การเริ่มต้นธุรกิจอีคอมเมิร์ซไม่จำเป็นต้องใช้งบก้อนใหญ่เสมอไป
ปัจจุบันมีเว็บไซต์สำเร็จรูปราคาถูกมากมายที่ช่วยให้เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กเปิดร้านออนไลน์ได้โดยใช้เงินเริ่มต้นเพียงเล็กน้อย แต่เนื่องจากแต่ละแพลตฟอร์มมีความแตกต่างกัน คู่มือนี้จะช่วยให้คุณเปรียบเทียบเว็บไซต์สำเร็จรูปราคาประหยัดเหล่านี้ได้ทั้งในด้านราคา ฟีเจอร์ และความคุ้มค่าโดยรวม
โปรแกรมเว็บไซต์สําเร็จรูป คืออะไร?
โปรแกรมเว็บไซต์สําเร็จรูป คือซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้คุณสร้างเว็บไซต์เพื่อขายสินค้าและบริการออนไลน์ แพลตฟอร์มเหล่านี้ หรือที่เรียกกันว่าแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายและช่วยให้กระบวนการขายออนไลน์เป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการรายย่อย บริษัทขนาดใหญ่ หรือร้านค้าแบบหน้าร้านที่กำลังขยับเข้าสู่ตลาดออนไลน์
ทำไมต้องใช้โปรแกรมเว็บไซต์สําเร็จรูป ราคาถูก?
แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซตอบโจทย์ทั้งฝั่งผู้ขายและผู้ซื้ออย่างลงตัว เพราะช่วยให้ผู้ขายสามารถจัดการสต็อกสินค้า ยอดขาย การตลาด และบริการลูกค้าได้ในที่เดียว ขณะเดียวกันก็ช่วยให้ผู้ซื้อสามารถเข้าชมและซื้อสินค้าได้สะดวก แพลตฟอร์มเหล่านี้ช่วยให้ขั้นตอนการขายออนไลน์เป็นระบบ ง่ายขึ้น และเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น
แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยังทำให้การตั้งร้านและเริ่มขายสินค้าเป็นเรื่องง่าย ไม่จำเป็นต้องมีทักษะด้านเทคนิคขั้นสูง ผู้ที่ไม่มีพื้นฐานด้านการเขียนโปรแกรมก็สามารถใช้งานได้
ด้วยเว็บไซต์สำเร็จรูปสำหรับอีคอมเมิร์ซ คุณสามารถสร้างเว็บไซต์ที่ดูเป็นมืออาชีพโดยใช้เทมเพลตที่ปรับแต่งได้ พร้อมเครื่องมือสำหรับการขาย เช่น ระบบรับชำระเงินและโฮสติ้ง ทำให้คุณสามารถโฟกัสกับการพัฒนาสินค้าและบริการของคุณได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลกับขั้นตอนทางเทคนิคในการขายออนไลน์
9 แพลตฟอร์มเว็บไซต์สําเร็จรูป ราคาถูก สำหรับอีคอมเมิร์ซ
มีแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซให้เลือกมากมาย และหลายแพลตฟอร์มก็มีแพ็กเกจราคาย่อมเยาสำหรับผู้เริ่มต้นใช้งาน
ด้านล่างนี้คือ 9 แพลตฟอร์มยอดนิยมที่ใช้งานง่ายและราคาถูก
1. Shopify
Shopify คือแพลตฟอร์มเว็บไซต์สําเร็จรูป ราคาถูกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก มาพร้อมเครื่องมือและแอปสำหรับทุกความต้องการ เครื่องมือ AI ที่ช่วยเสริมความคิดสร้างสรรค์ และบริการลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ทุกแพ็กเกจของ Shopify มาพร้อมช่วงทดลองใช้งานฟรี
จุดเด่น
- ระบบรับชำระเงินในตัว: Shopify มีเกตเวย์การชำระเงินของตัวเองชื่อว่า Shopify Payments
- แอปสโตร์ขนาดใหญ่: เข้าถึง Shopify App Store ที่มีปลั๊กอินและการเชื่อมต่อมากมาย
- รองรับหน้าร้านจริงผ่าน Shopify POS: ผสานช่องทางขายหน้าร้านและออนไลน์เข้าด้วยกัน
- ระบบติดตามรถเข็นที่ถูกทิ้ง: เครื่องมืออัตโนมัติช่วยกู้คืนยอดขายจากการสั่งซื้อที่ค้างไว้
- ระบบวิเคราะห์ขั้นสูง: ติดตามยอดขาย พฤติกรรมลูกค้า และข้อมูลสำคัญอื่น ๆ
- เช็กเอาต์ที่ปลอดภัยและรวดเร็วด้วย Shop Pay: ทุกร้านของ Shopify มีระบบเช็กเอาต์แบบคลิกเดียว ซึ่งเร็วกว่าปกติ 4 เท่า และช่วยเพิ่มยอดสั่งซื้อผ่านมือถือได้สูงขึ้นถึง 91%
ราคา
- Shopify Starter: ประมาณ 180 บาท/เดือน
- Basic Shopify: ประมาณ 1,050 บาท/เดือน (ชำระรายปี)
- Shopify: ประมาณ 2,850 บาท/เดือน (ชำระรายปี)
- Advanced Shopify: ประมาณ 10,800 บาท/เดือน (ชำระรายปี)
📚อ่านเพิ่มเติม: Shopify คืออะไรและใช้ยังไง?
2. WooCommerce
เว็บไซต์สําเร็จรูป ราคาถูก WooCommerce ใช้ฟรี และมาพร้อมฟีเจอร์หลากหลาย เช่น การจัดการสินค้า การติดตามคำสั่งซื้อ และระบบรับชำระเงิน
ข้อดี
- ผสานรวมกับ WordPress ได้อย่างไร้รอยต่อ
- เป็นแพลตฟอร์มแบบโอเพนซอร์สที่ปรับแต่งได้
- มีปลั๊กอินและธีมให้เลือกใช้มากมาย
ราคา:
- ค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันไปตามบริการโฮสติ้ง ดีไซน์ และส่วนเสริมต่างๆ สามารถตรวจสอบราคาล่าสุดได้ที่เว็บไซต์ WooCommerce
3. BigCommerce
BigCommerce คือหนึ่งในเว็บไซต์สําเร็จรูป ราคาถูกที่เหมาะสำหรับทั้งการขายแบบ B2C และ B2B พร้อมบริการให้คำปรึกษาและความช่วยเหลือทางเทคนิคเพื่อให้เจ้าของร้านเริ่มต้นได้อย่างราบรื่น ฟีเจอร์พื้นฐานรวมถึงการเพิ่มสินค้าได้ไม่จำกัด และเครื่องมือ SEO ที่ติดตั้งมาในตัว
ข้อดี
- ไม่มีค่าธรรมเนียมธุรกรรมเพิ่มเติม
- รองรับการขายแบบหลายช่องทาง
- มีฟีเจอร์เฉพาะสำหรับการขายแบบ B2B
ราคา:
- แพลนเริ่มต้นที่ประมาณ 1,430 บาทต่อเดือน
4. Wix Stores
Wix Stores คือเว็บไซต์สําเร็จรูปฟรี สำหรับผู้ที่ใช้งานเว็บไซต์ผ่าน Wix อยู่แล้ว โดย Wix Stores รองรับการขายสินค้าได้ไม่จำกัดจำนวน ขายได้หลายช่องทาง พร้อมฟีเจอร์อีเมลอัตโนมัติและบริการ SEO
ข้อดี:
- ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่
- ระบบสร้างเว็บไซต์แบบลากแล้ววาง
- มีเครื่องมือออกแบบด้วย AI ที่ปรับแต่งได้
ราคา:
- แพ็กเกจเริ่มต้นสำหรับอีคอมเมิร์ซอยู่ที่ประมาณ 1,060 บาทต่อเดือน
5. Volusion
Volusion มาพร้อมฟีเจอร์รองรับสินค้าจำนวนไม่จำกัดและแบนด์วิดท์ไม่จำกัด พร้อมเครื่องมือการตลาดผ่านอีเมล เครื่องมือ SEO และระบบป้องกันการทุจริต อีกทั้งยังมีทีมออกแบบเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซภายในสำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือด้านดีไซน์และฟังก์ชัน
ข้อดี
- มีเครื่องมือ SEO แบบครบในตัว
- ระบบชำระเงินแบบหน้าเดียวที่ใช้งานง่าย
- นำเข้า/ส่งออกข้อมูลได้สะดวก
ราคา:
- แพ็กเกจเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 1,060 บาทต่อเดือน
6. BigCartel
เว็บไซต์สําเร็จรูป ราคาถูก BigCartel ออกแบบมาสำหรับศิลปินและนักสร้างสรรค์โดยเฉพาะ พร้อมแพลนหลากหลายที่เหมาะกับคนงบน้อย แพลนที่แพงที่สุดอยู่ที่ประมาณ 740 บาทต่อเดือน ซึ่งรองรับได้สูงสุด 500 สินค้า พร้อมภาพสินค้าได้ 5 ภาพต่อชิ้น มีสถิติแบบเรียลไทม์ ระบบติดตามสต็อก และใช้งานร่วมกับโดเมนแบบกำหนดเองได้
ข้อดี
- ออกแบบมาสำหรับศิลปินและนักสร้างสรรค์
- ราคาเรียบง่ายไม่ซับซ้อน
- ตั้งค่าและจัดการร้านได้ง่าย
ราคา:
- มีแพลนใช้งานฟรี แพลนเสียค่าใช้จ่ายเริ่มต้นประมาณ 555 บาทต่อเดือน
7. Ecwid
Ecwid เหมาะสำหรับเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการขายสินค้าผ่านหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดีย ร้านค้าออนไลน์ของตัวเอง หรือขายแบบพบหน้าที่หน้าร้านหรือบูธชั่วคราว โดยเว็บไซต์สําเร็จรูป ราคาถูก Ecwid มีแพลนฟรีที่จำกัดฟีเจอร์ แต่หากเลือกใช้แพลนเสียเงินก็จะได้รับฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซเพิ่มเติม เช่น การขายผ่านโซเชียลมีเดีย และแอปจัดการร้านค้าบนมือถือ
ข้อดี
- เพิ่มเข้าเว็บไซต์ที่มีอยู่แล้วได้
- เชื่อมต่อโซเชียลมีเดียได้ดี
- รองรับหลายภาษา
ราคา:
- ใช้งานฟรีได้ แพลนเสียค่าใช้จ่ายเริ่มต้นประมาณ 925 บาทต่อเดือน
8. PrestaShop
PrestaShop เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแบบโอเพ่นซอร์สที่ให้ใช้งานได้ฟรี พร้อมฟีเจอร์พื้นฐานในระดับหนึ่ง โดยผู้ใช้สามารถเลือกติดตั้งฟีเจอร์เพิ่มเติมให้กับร้านค้าออนไลน์ได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นระบบเพิ่มสินค้าจำนวนไม่จำกัด การเชื่อมต่อกับโซเชียลมีเดีย Google Analytics หรือการติดตามสถานะคำสั่งซื้อ
ข้อดี:
- แพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สใช้ฟรี
- รองรับหลายภาษาและหลายสกุลเงิน
- มีคอมมูนิตี้ผู้ใช้งานที่แข็งแกร่ง
ราคา
- ใช้ฟรี พร้อมส่วนเสริมแบบเสียเงิน
9. Spree Commerce
Spree Commerce เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแบบ Headless ที่ให้คุณหรือทีมพัฒนาสามารถเชื่อมต่อหน้าเว็บไซต์แบบใดก็ได้เข้ากับระบบหลังบ้านของ Spree ได้อย่างอิสระ ถือเป็นแพลตฟอร์มฟรีที่เหมาะสำหรับการสร้างร้านค้าหลายแบรนด์หรือหลายผู้ขาย รองรับหลายภาษาและหลายสกุลเงิน รวมถึงสามารถปรับแต่งหน้าร้านได้ตามต้องการ
ข้อดี
- พัฒนาด้วย Ruby on Rails ที่รองรับการขยายตัว
- ปรับแต่งและขยายระบบได้อย่างยืดหยุ่น
- มีคอมมูนิตี้นักพัฒนาที่แข็งแกร่งและอัปเดตอย่างต่อเนื่อง
ราคา
- ใช้ฟรี
เลือกเว็บไซต์สําเร็จรูป ราคาถูกที่คุ้มค่าที่สุด
การเลือกแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เหมาะสมต้องพิจารณาระหว่าง “ต้นทุน” กับ “ฟีเจอร์และเครื่องมือที่จำเป็น” สำหรับธุรกิจของคุณ ลองพิจารณาว่าคุณต้องการเครื่องมืออะไรบ้าง เช่น ระบบรับชำระเงิน ผู้ช่วยสร้างเว็บไซต์ หรือระบบ POS หากคุณมีแผนจะขายหน้าร้านควบคู่ไปด้วย
Shopify ช่วยให้การขายออนไลน์เป็นเรื่องง่ายและไม่แพง ลองใช้งานฟรีได้เลยวันนี้ แล้วคุณจะเห็นว่าการเว็บไซต์สําเร็จรูป ราคาถูกที่เข้าถึงลูกค้าทั่วโลกนั้นง่ายกว่าที่คิด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเว็บไซต์สําเร็จรูป ราคาถูก
ต้องใช้เว็บไซต์สําเร็จรูปในการขายของออนไลน์ไหม?
ไม่จำเป็น แต่การใช้แพลตฟอร์มจะช่วยให้ทุกอย่างง่ายขึ้นมาก ทั้งประหยัดค่าใช้จ่าย และใช้งานสะดวกกว่าการตั้งร้านด้วยตัวเองบนเว็บไซต์
ขายของบน Shopify ฟรีหรือไม่?
ไม่ฟรี Shopify มีให้เลือก 4 แพ็กเกจ โดยเริ่มต้นเพียง 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับเดือนแรก และทุกแพ็กเกจสามารถทดลองใช้งานฟรีก่อนตัดสินใจสมัครจริงได้
แพ็กเกจที่ถูกที่สุดของ Shopify คืออะไร?
แพ็กเกจที่ราคาถูกที่สุดคือ Shopify Starter ซึ่งมาพร้อมช่วงทดลองใช้งานฟรี ให้คุณลองใช้บริการก่อนตัดสินใจจ่ายเงิน