Instagram มีผู้ใช้งานกว่า 2 พันล้านคนที่ใช้เวลาเฉลี่ย 16 ชั่วโมงต่อเดือนในแอปพลิเคชัน นี่จึงเป็นโอกาสทางการขายที่แบรนด์ของคุณไม่ควรพลาด
ในการขายของใน IG แบรนด์และครีเอเตอร์สามารถใช้ Instagram Shopping ซึ่งเป็นเครื่องมือการขายผ่านโซเชียลของแพลตฟอร์ม ที่จะเปลี่ยนโปรไฟล์ของคุณให้กลายเป็นประสบการณ์การช้อปปิ้ง และสามารถแท็กสินค้าของคุณในโพสต์ Reels, และ Stories ได้
มาเรียนรู้วิธีสมัครใช้งาน Instagram Shopping และเพิ่มยอดขายของคุณในบทความนี้ได้เลย
Instagram Shopping คืออะไร
Instagram Shopping คือชุดฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้คนสามารถซื้อสินค้าของคุณบน Instagram ได้โดยตรง คุณสามารถสร้างหน้าร้านบนโปรไฟล์ของคุณ และแท็กสินค้าบนโพสต์หรือวิดีโอ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายและทำเงิน
ฟีเจอร์ของ Instagram Shopping มีดังนี้
- แท็กสินค้า: แท็กสินค้าของคุณใน Reels, Stories และโพสต์ เพื่อพาผู้ชมไปยังร้านค้าออนไลน์ของคุณ
- หน้าร้าน: เล่าเรื่องราวของแบรนด์ และสร้างหน้าสินค้าและคอลเลกชันบน Instagram
- การชำระเงิน: เปิดให้ลูกค้าชำระเงินผ่านแอปได้โดยไม่ต้องออกไปยังร้านค้าออนไลน์ (เฉพาะในสหรัฐฯ)
วิธีขายของใน IG ด้วยการสร้าง Instagram Shopping
วิธีที่ง่ายที่สุดในการสร้าง Instagram Shopping และเริ่มขายสินค้าบนแพลตฟอร์มนี้ คือการใช้ Shopify เมื่อคุณเปิดร้านค้าบน Shopify แล้ว คุณสามารถเชื่อมต่อช่องทางการขายผ่าน Instagram เพื่อซิงก์แคตตาล็อกสินค้าของคุณกับ Instagram ได้ทันที
แต่ถ้าคุณไม่ได้ใช้ Shopify ก็ยังสามารถทำเงินผ่าน Instagram ได้เช่นกัน โดยคุณต้องอัปโหลดแคตตาล็อกสินค้าของคุณไปยัง Meta Commerce Manager ก่อน จึงจะสามารถแท็กหรือขายสินค้าบน Instagram ได้
ไม่ว่าจะเลือกวิธีไหน คุณจะต้องมีบัญชี Instagram แบบธุรกิจก่อนเสมอ และนี่คือ 3 ขั้นตอนง่ายๆ ในการตั้งค่า Instagram Shopping
1. สร้างบัญชี Instagram แบบธุรกิจ
ขั้นตอนแรก ถ้าคุณต้องการใช้ Instagram เพื่อธุรกิจ คุณจะต้องมีบัญชี Instagram แบบธุรกิจ คุณสามารถสร้างบัญชีใหม่แล้วเปิดใช้งานฟีเจอร์สำหรับธุรกิจ หรือแปลงบัญชีเดิมที่มีอยู่ก็ได้ วิธีเริ่มต้นใช้งานบัญชีธุรกิจบน Instagram มีดังนี้
- ไปที่หน้าโปรไฟล์ของคุณ แล้วแตะที่ไอคอนสามขีดมุมขวาบน
- เลือก “การตั้งค่าและความเป็นส่วนตัว” จากนั้นเลือก “ประเภทบัญชีและเครื่องมือ”
- แตะ “เปลี่ยนเป็นบัญชีแบบมืออาชีพ”
- เลือกหมวดหมู่ที่ตรงกับธุรกิจของคุณมากที่สุด
ขั้นตอนนี้เป็นจังหวะที่ดีในการตรวจสอบว่า ธุรกิจและสินค้าของคุณเป็นไปตามนโยบายการค้าของ Instagram แล้วหรือยัง
2. เพิ่มหรือซิงก์แคตตาล็อกสินค้า
ต่อไปก็ถึงเวลานำสินค้าของคุณเข้าระบบ คุณสามารถทำได้ด้วยตนเอง หรือซิงค์กับร้านบน Shopify:
- สร้างแคตตาล็อกสินค้าเอง: หากต้องการอัปโหลดแคตตาล็อกสินค้าด้วยตนเอง ให้สร้างบัญชีใน Commerce Manager คุณจะใช้ Commerce Manager เพื่ออัปโหลดแคตตาล็อกสินค้า ปรับแต่งหน้าร้าน และสร้างคอลเลกชันสินค้า ไปที่ Commerce Manager แล้วคลิก “เพิ่มแคตตาล็อก” เลือกสร้างแคตตาล็อกสำหรับอีคอมเมิร์ซ จากนั้นเลือก “อัปโหลดข้อมูลสินค้า” และกรอกข้อมูลสำหรับสินค้าแต่ละชิ้น ได้แก่ รูปภาพขนาด 500x500 พิกเซล คำอธิบายผลิตภัณฑ์ที่ลิงก์ไปยังหน้าสินค้า ราคา และหมายเลข SKU
- ซิงก์แคตตาล็อกจาก Shopify: ถ้าคุณมีร้านค้าอยู่บน Shopify และมีแคตตาล็อกสินค้าเรียบร้อยแล้ว คุณไม่ต้องกรอกข้อมูลใหม่ เพียงติดตั้งแอป Facebook และ Instagram จาก Shopify แล้วเชื่อมต่อบัญชีของคุณเข้าด้วยกัน
3. เปิดใช้งาน Instagram Shopping
เมื่อคุณสร้างบัญชีธุรกิจเรียบร้อยและเพิ่มสินค้าลงในแคตตาล็อกแล้ว คุณก็สามารถเปิดใช้งาน Instagram Shopping แล้ว โดยไปที่
- ไปที่การตั้งค่าบัญชีใน Instagram
- แตะ “ธุรกิจ”
- เลือก “Shopping”
- เชื่อมต่อบัญชีเข้ากับแคตตาล็อกสินค้า
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว คุณก็สามารถโปรโมตร้านค้า แท็กสินค้าในโพสต์ และสร้างโฆษณา Instagram Shopping ได้เลย
9 เคล็ดลับวิธีขายของใน IG ที่ได้ผลจริง
- ร่วมมือกับอินฟลูเอ็นเซอร์
- ลงโฆษณาบน Instagram
- ใช้แท็กสินค้า
- โพสต์ Reels
- คัดเลือกคอนเทนต์ที่ลูกค้าสร้างขึ้น
- ใช้แฮชแท็กให้เหมาะ
- ใช้วิดีโอเพื่อโชว์สินค้าให้โดดเด่น
- ใช้ IG Stories เพื่อกระตุ้นยอดขาย
- สร้างความสัมพันธ์กับผู้ติดตามอย่างต่อเนื่อง
เมื่อคุณตั้งค่าร้านบน Instagram เรียบร้อยแล้ว อย่าลืมนำเทคนิคการตลาดใน IG เหล่านี้ไปใช้ เพื่อสร้างยอดขาย
1. วิธีขายของใน IG ร่วมมือกับอินฟลูฯ
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธุรกิจหลายเจ้าได้หันไปใช้ TikTok เพื่อมองหาคนดังบนโลกออนไลน์มาช่วยโปรโมทสินค้า แต่จุดเริ่มต้นของปรากฏการณ์อินฟลูเอ็นเซอร์ในโซเชียลมีเดียจริงๆ แล้วเกิดขึ้นบน Instagram และกิจกรรมต่างๆ ของอินฟลูเอ็นเซอร์บนแพลตฟอร์มนี้ก็ยังมาแรงไม่หยุด
อินฟลูเอ็นเซอร์บน Instagram ทำหน้าที่เสมือนแบรนด์แอมบาสเดอร์ ที่นำยอดรีชและชื่อเสียงมาเชื่อมโยงกับสินค้าของคุณ ช่วยให้กลุ่มเป้าหมายมองเห็นแบรนด์ของคุณมากขึ้น นอกจากนี้ อินฟลูเอ็นเซอร์ยังมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการซื้อด้วย เพราะพวกเขามีความน่าเชื่อถือในวงการนั้นๆ
Alex Kereszti โปรโมท Aventon Bikes ผ่านโพสต์บน Instagram ให้กับผู้ติดตาม 27,000 คนของเธอ
ไม่ใช่ว่าอินฟลูเอนเซอร์ทุกคนจะคิดค่าบริการเหมือนกับ Kim Kardashian ในการโปรโมทสินค้าหรือแบรนด์ บัญชีที่มีผู้ติดตามน้อยกว่า แต่มีอิทธิพลในกลุ่มเฉพาะบางกลุ่ม มักจะคิดค่าบริการในราคาที่เหมาะสม หรืออาจสร้างคอนเทนต์โดยแลกกับสินค้าฟรี
ในความเป็นจริง ไมโครอินฟลูเอ็นเซอร์ ที่มีผู้ติดตามระหว่าง 10,000 ถึง 100,000 คน มักจะมีอิทธิพลมากที่สุดเมื่อพูดถึงการโปรโมทสินค้าของคุณ
ตามที่ Rhiannon Taylor ผู้ก่อตั้งร้านขายอุปกรณ์ทำสวน RT1home ซึ่งขายสินค้าใน Instagram กล่าวว่า “นาโนอินฟลูเอ็นเซอร์และไมโครอินฟลูเอ็นเซอร์มักจะมีอัตราการเอ็นเกจเมนต์สูงกว่า อินฟลูเอ็นเซอร์ที่ดีที่สุดคือคนที่สนใจสินค้าชิ้นนั้นๆ จริงๆ และพร้อมที่จะนำไปเล่าให้ผู้ติดตามของพวกเขาฟัง”
2. ลงโฆษณาบน Instagram
Instagram เป็นจุดหมายปลายทางในการช้อปปิ้งที่ได้รับความนิยมในขณะนี้ นอกจากโพสต์รูปและไถดูคอนเทนต์แล้ว การเลือกชมสินค้าคือเหตุผลยอดนิยมอันดับที่ 3 ในการใช้แพลตฟอร์มนี้
โฆษณาบน Instagram ที่สามารถช้อปได้ก็คล้ายกับโฆษณาปกติใน Instagram แต่จะมีการแท็กสินค้าไว้ด้วย พอมีคนสนใจสินค้าที๋โปรโมทเอาไว้ พวกเขาสามารถไปที่หน้ารายละเอียดผลิตภัณฑ์ หรือเว็บไซต์ของคุณเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม ถ้าคุณทำธุรกิจในสหรัฐฯ คุณก็สามารถให้ลูกค้าซื้อสินค้าในแอปได้เลยผ่าน Instagram Checkout
โฆษณา Instagram จะไปโผล่ในฟีดหรือในหน้า Explore โดยเป็นรูปภาพเดี่ยว คารูเซล หรือวิดีโอจากแคตตาล็อกสินค้า เหมือนกับโฆษณาปกติ คุณแค่สร้างโฆษณาผ่าน Ads Manager แล้วเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ หรือเลือกกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกันเพื่อหาลูกค้าใหม่ๆ

3. วิธีขายของใน IG ผ่านการแท็กสินค้า
เส้นทางจากการค้นพบสินค้าไปจนถึงการซื้อบน Instagram ไม่ได้เป็นเส้นตรงเลย เมื่อผู้ใช้กำลังเลื่อนดูโพสต์ แท็กสินค้าจะช่วยให้พวกเขาหยุดและค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าได้ง่าย ๆ พวกเขาสามารถไปที่เว็บไซต์ของคุณทันทีที่พบสินค้า และยังสามารถซื้อสินค้าผ่าน Instagram ได้เลย
แท็กสินค้าบนโพสต์, Stories, และ Reels ของคุณ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถช้อปได้ทุกที่ที่พวกเขาชอบในแอป หากคุณเปิดฟีเจอร์การชำระเงินในแอป คุณยังสามารถแท็กในฟีด Live ได้อีกด้วย
ถ้าคุณต้องการให้ลูกค้าเห็นสินค้าของคุณมากขึ้น การแท็กสินค้าอาจแสดงในฟีด Explore ของผู้ใช้ก็มีประโยชน์นะ
ผู้ใช้เองก็สามารถแท็กสินค้าของคุณได้ และเมื่อมีคนแท็กสินค้าของคุณ คุณจะได้รับการแจ้งเตือน และสามารถดูคอนเทนต์ทั้งหมดที่แท็กสินค้าของคุณได้จากโปรไฟล์ พร้อมควบคุมการตั้งค่าการแท็กในเมนูการตั้งค่า
ตามข้อมูลจาก Instagram มีผู้ใช้ 1.6 ล้านคนที่แท็กสินค้าของอย่างน้อย 1 ชิ้นทุกสัปดาห์ การใช้แท็กสินค้าเป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มการรับรู้เกี่ยวกับสินค้าและดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ มายังสินค้าของคุณ

Le Creuset ใช้แท็กผลิตภัณฑ์เพื่อให้ผู้ติดตามของตนสามารถค้นหาผลิตภัณฑ์ที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
4. โพสต์ Reels
Reels คือหนึ่งในวิธีขายของใน IG ที่เปิดโอกาสให้ธุรกิจของคุณสร้างและโพสต์วิดีโอได้นานสูงสุด 60 วินาที คุณสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้เต็มที่ด้วยการใส่ข้อความ, ฟิลเตอร์ AR และเพลงพื้นหลังยอดนิยมเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ Reels ยังสามารถแสดงบนหน้า Explore ซึ่งทำให้ใครๆ ที่ใช้ Instagram สามารถเห็นได้
ส่วนความเจ๋งก็คือ คุณสามารถแท็กสินค้าใน Reels ได้ ดังนั้นเมื่อใครก็ตามที่ดู Reels ของคุณ พวกเขาก็จะสามารถเข้าถึงสินค้าหรือคอลเล็กชันที่คุณพูดถึงได้ง่ายๆ เลย
Drunk Elephant ใช้ Reels เพื่อแสดงโชว์ความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์และตอบคำถามจากผู้ติดตาม
5. เลือกคอนเทนต์ที่ลูกค้าทำ
ถ้าคนซื้อและชอบสินค้าของคุณ ก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่พวกเขาจะโพสต์เกี่ยวกับสินค้านั้นบนโซเชียลมีเดีย คอนเทนต์ที่ผู้ใช้สร้างขึ้น (User-generated Content หรือ UGC) เป็นวิธีที่ดีที่จะทำให้ฟีด Instagram ของคุณเต็มไปด้วยคอนเทนต์คุณภาพ โดยที่ยังสามารถใช้ฟีเจอร์ Instagram Shopping ได้
ตัวอย่างแบรนด์ที่ใช้ UGC อย่างมีประสิทธิภาพคือ Inkbox สตูดิโอสัก ที่คัดเลือกและแชร์การพูดถึงหรือคำแนะนำจากผู้ใช้ให้กับผู้ติดตามกว่า 1.5 ล้านคนบน Instagram
แบรนด์ Direct-to-consumer (DTC) อย่าง Vuori ก็ใช้กลยุทธ์การใช้คอนเทนต์จากผู้ใช้บน Instagram เช่นกัน Nikki Sakelliou หัวหน้าฝ่ายการตลาดของบริษัทกล่าวกับ Glossy ว่า ในตอนแรก Vuori ก็ลังเลเกี่ยวกับการแท็กสินค้าและการนำโพสต์ของผู้ใช้มาแสดงในฟีด แต่ด้วยความสำเร็จของกลยุทธ์นี้ ตอนนี้โพสต์ประมาณครึ่งหนึ่งของ Vuori สามารถซื้อสินค้าได้แล้ว
หลายแบรนด์เริ่มมองว่า การตลาดผ่านโซเชียลมีเดียเป็นทางเชื่อม ที่ช่วยให้พวกเขาสามารถเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายได้แบบตัวต่อตัวอย่างจริงใจ ด้วย UGC แบรนด์สามารถให้โอกาสผู้ใช้ในการเล่าเรื่องราวที่จริงใจและสามารถเข้าถึงได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ยากในคอนเทนต์แบบดั้งเดิม
6. ใช้แฮชแท็กให้เหมาะ
แฮชแท็กบน Instagram ช่วยให้คอนเทนต์ที่สามารถซื้อสินค้าได้ของคุณถูกค้นพบและช่วยให้โพสต์ของคุณเข้าถึงคนได้มากขึ้น แฮชแท็กยังมีผลต่อการที่อัลกอริธึมของ Instagram จะตัดสินใจว่า โพสต์ของคุณควรจะปรากฏในฟีดของผู้ใช้หรือในหน้า Explore ดี
เมื่อคุณเพิ่มแฮชแท็กลงในโพสต์ อัลกอริธึมของ Instagram จะใช้แฮชแท็กเป็นคำใบ้ว่าคอนเทนต์ของคุณนั้นเกี่ยวกับอะไร กล่าวคือเป็นการบอก Instagram ว่า “โพสต์นี้เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้” ถ้าแฮชแท็กของคุณตรงจุด อัลกอริธึมก็จะพาโพสต์ของคุณไปหาคนที่สนใจสิ่งที่คล้ายกันนั่นเอง
ถ้าคุณมีแฮชแท็กที่เวิร์กสำหรับแบรนด์ของคุณ ก็ให้ลองใส่ลงในโพสต์ที่ลูกค้าสามารถช้อปดูได้เลย คุณอาจเลือกแฮชแท็กกว้างๆ อย่าง #style หรือ #fashion หรือเลือกแฮชแท็กเฉพาะเจาะจงมากขึ้นอย่าง #earringsaddict ก็ได้ ไม่ว่าอย่างไร คุณก็ได้ช่วยให้ Instagram นำโพสต์ของคุณไปโชว์ให้กับกลุ่มคนที่ใช่
7. ใช้วิดีโอเพื่อโชว์สินค้าให้โดดเด่น
คุณรู้หรือไม่ว่าคนกว่า 84% บอกว่าพวกเขาซื้อสินค้าหรือบริการหลังจากดูวิดีโอ ซึ่งก็หมายความว่าวิดีโอควรเป็นวิธีขายของใน IG ส่วนสำคัญในกลยุทธ์การตลาด
บริษัทเสริมอาหาร Huel ใช้วิดีโอในการจัดเซสชั่น Q&A, จัดกิจกรรมแจกของรางวัล และแนะนำสินค้าตัวใหม่ให้กับผู้ติดตาม
วิดีโอสินค้าที่ดีที่สุดคือวิดีโอที่เล่าเรื่องราวที่เชื่อมต่อกับผู้ชมในระดับลึก ยิ่งคุณเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแบรนด์หรือสินค้าของคุณได้ดีเท่าไร ผู้ชมก็จะเข้าใจสิ่งที่บริษัทของคุณนำเสนอและสามารถทำอะไรให้พวกเขาได้มากขึ้นเท่านั้น และเมื่อพวกเขาเข้าใจ พวกเขาก็จะมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าของคุณมากขึ้นนั่นเอง
ลองเพิ่มสติกเกอร์สินค้าลงใน Stories ของคุณเพื่อกระตุ้นการขาย และพิจารณาการปักหมุดวิดีโอเป็นไฮไลท์ใต้ไบโอของคุณ เพื่อให้คนที่เข้ามาดูโปรไฟล์ได้เห็นวิดีโอนั้น
แนวทางที่ดีที่สุดสำหรับการทำคอนเทนต์วิดีโอมีดังนี้
- ทำให้สั้นเข้าไว้: ถ้าคุณกำลังทำวิดีโอโฆษณา ควรทำให้มีความยาวระหว่าง 6 ถึง 10 วินาที เพื่อให้ได้ผลลัพธ์สูงสุด
- ออกแบบให้เหมาะกับการดูแบบไม่ต้องเปิดเสียง: อย่าคิดว่าผู้ชมจะเปิดเสียง ใช้ข้อความและภาพที่ชัดเจนในการสื่อสาร
- วางโครงเรื่องของคุณ: ใช้สัดส่วนแนวตั้งเพื่อให้เหมาะกับหน้าจอโทรศัพท์
8. วิธีขายของใน IG ใช้ Stories กระตุ้นยอดขาย
Stories เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการเชื่อมต่อกับผู้ชม โชว์สินค้าของคุณ และใช้การเล่าเรื่องผ่านภาพเพื่อกระตุ้นการซื้อ ด้วยฟีเจอร์ต่างๆ เช่น แท็กสินค้า ลิงก์สไลด์ขึ้น และสติกเกอร์ที่สามารถซื้อได้ Instagram Stories ทำให้ลูกค้าสามารถมีส่วนร่วมและซื้อสินค้าตรงจากคอนเทนต์ที่พวกเขากำลังดูอยู่
คุณยังสามารถสร้างความน่าเชื่อถือเพิ่มเติมโดยการแสดงสินค้าของคุณในการใช้งานจริง หรือให้ดูเบื้องหลังการผลิตสินค้า หรือแม้แต่แชร์คอนเทนต์จากผู้ใช้ก็ได้
การใช้ Stories ยังช่วยให้คุณสร้างความรู้สึกพิเศษและทำให้คนต้องรีบดู เพราะแต่ละสตอรี่จะหายไปใน 24 ชั่วโมง ฟีเจอร์นี้เหมาะมากสำหรับการโปรโมทข้อเสนอจำกัดเวลา แฟลชเซลส์ หรือการแจ้งเตือน “โอกาสสุดท้าย” ไม่มีใครอยากรู้สึกว่าตัวเองกำลังพลาดอะไรไป และ Stories จะช่วยสร้างความรู้สึกนั้นได้ดี ลองแชร์ตัวอย่างสินค้าตัวใหม่ๆ และการนับถอยหลังสู่การเปิดตัวสินค้าเพื่อสร้างความตื่นเต้นดูสิ
Rugged Auto ใส่ลิงก์ไปยังสินค้าทั้งหมดและสินค้าแต่ละชิ้นในสตอรี่
9. สร้างความสัมพันธ์กับผู้ติดตามอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มผู้ติดตามของคุณคือส่วนที่สำคัญที่สุดของวิธีขายของใน IG เพราะพวกเขาคือคนที่จะซื้อสินค้าจากคุณ ลองเริ่มต้นด้วยการทำให้ผู้ติดตามรู้สึกว่าคุณให้คุณค่ากับพวกเขาและเห็นว่าพวกเขามีความสำคัญ โดยการตอบคอมเมนต์ ขอบคุณที่มีการเมนชั่น และเปิดโอกาสให้มีการพูดคุยสื่อสารกัน
คุณอาจเริ่มจากอะไรง่ายๆ อย่างการจัดเซสชั่น Q&A ใน Stories หรือสร้างโพลล์เพื่อสำรวจความสนใจในสินค้าที่มาใหม่ Instagram มีฟีเจอร์ที่มีส่วนร่วมมากมาย เช่น โพลล์ สติกเกอร์คำถาม และแบบทดสอบ ที่เหมาะสำหรับเพิ่มการมีส่วนร่วม นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสที่ดีในการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความชอบและความสนใจของผู้ชมด้วย
และถ้าคุณต้องการเพิ่มการมีส่วนร่วมไปอีกขั้น คุณสามารถเน้นคอนเทนต์ที่สร้างโดยผู้ใช้ในฟีดและ Stories ของคุณ การแชร์โพสต์หรือรีวิวจากผู้ใช้ไม่เพียงแค่แสดงให้เห็นว่า คุณให้ความสำคัญกับความภักดีของพวกเขา แต่ยังช่วยสร้างหลักฐานทางสังคมไปพร้อมกัน คุณอาจพิจารณาใช้ Live ของ Instagram เพื่อพูดคุยกับผู้ชมแบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นการสาธิตสินค้า หรือจัดไลฟ์ขายสินค้า เป็นต้น
ตัวอย่างเช่น บริษัทตกแต่งบ้าน Letterfolk ใช้ Stories ใน Instagram เพื่อสำรวจความชอบของผู้ติดตามเกี่ยวกับสินค้าของพวกเขา

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวิธีขายของใน IG
ขายสินค้าประเภทไหนได้บ้างใน IG
คุณสามารถขายของใน Instagram ได้หลายประเภท ตั้งแต่เสื้อผ้าและผลิตภัณฑ์ความงาม ไปจนถึงของตกแต่งบ้าน งานศิลปะ และอุปกรณ์เทคโนโลยี โดยทั่วไปแล้ว สินค้าที่มีความน่าสนใจในเชิงภาพ เช่น สินค้าแฮนด์เมด ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการออกกำลังกาย หรือแม้กระทั่งสินค้าดิจิทัล เช่น อีบุ๊ก ก็สามารถขายได้ดีบนแพลตฟอร์มนี้ ตราบใดที่มันตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมายของคุณ
วิธีขายของใน IG ทำยังไงจึงจะได้รับการอนุมัติ
ในการได้รับการอนุมัติให้ขายบน Instagram คุณต้องมีบัญชีธุรกิจ ปฏิบัติตามนโยบายการค้าของ Instagram และอยู่ในตลาดที่รองรับ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้เชื่อมโยงเพจ Facebook และแคตตาล็อกสินค้าแล้ว จากนั้นสมัครใช้ Instagram Shopping ในการตั้งค่าบัญชีของคุณ Instagram จะตรวจสอบบัญชีของคุณเพื่อให้มั่นใจว่าเป็นไปตามเกณฑ์ก่อนที่จะอนุมัติ
สามารถขายของใน Instagram ได้โดยตรงหรือไม่
ได้สิ ด้วย Instagram Shopping คุณสามารถขายสินค้าผ่าน Instagram โดยการแท็กสินค้าภายในโพสต์, Reels และ Stories รวมถึงการแปลงโปรไฟล์ของคุณให้เป็นร้านค้าที่มีหน้าสินค้าและคอลเลกชันต่างๆ หากคุณเป็นธุรกิจหรือผู้สร้างสรรค์ในสหรัฐอเมริกา ลูกค้าของคุณยังสามารถชำระเงินโดยตรงผ่าน Instagram ได้อีกด้วย
มือใหม่ต้องมีวิธีขายของใน IG ยังไงให้ขายได้
วิธีขายของใน IG สำหรับมือใหม่ ได้แก่
- แท็กสินค้า
- โฆษณาบน Instagram
- ร่วมมือกับอินฟลูเอ็นเซอร์
- ติดแฮชแท็ก
วิธีขายของใน IG มีเกณฑ์อะไรบ้าง
Instagram อนุญาตให้ธุรกิจและครีเอเตอร์สามารถขายสินค้าโดยตรงผ่านแพลตฟอร์มได้ โดยใช้ฟีเจอร์อย่าง Instagram Shops และแท็กสินค้า สำหรับการขายบน Instagram คุณต้องตั้งร้านเชื่อมต่อกับแคตตาล็อก Facebook และปฏิบัติตามนโยบายการค้าของ Instagram รวมถึงข้อกำหนดในการเข้าเกณฑ์
การขายของใน IG ต้องเสียค่าธรรมเนียมหรือไม่
การแท็กสินค้าใน Instagram และส่งผู้ใช้ไปยังร้านออนไลน์ของคุณนั้นไม่มีค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม Instagram จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการประมวลผล 2.9% เมื่อผู้ใช้ชำระเงินโดยตรงผ่าน Instagram ค่าธรรมเนียมนี้จะไม่ถูกเรียกเก็บจากผู้ค้าบน Shopify ที่ใช้แอป Facebook และ Instagram ซึ่งจะถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการประมวลผลการชำระเงินจาก Shopify โดยตรง
วิธีรับชำระเงินจากการขายของใน IG ทำยังไงได้บ้าง
คุณสามารถรับการชำระเงินผ่าน Instagram หากคุณเป็นธุรกิจหรือครีเอเตอร์ในสหรัฐอเมริกาที่มีบัญชีธนาคารและที่อยู่ในสหรัฐฯ คุณสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์การชำระเงินผ่าน Meta Commerce Manager หรือ Business Manager ได้เลย แต่หากคุณอยู่ในที่อื่นๆ คุณสามารถใช้ Instagram Shopping เพื่อส่งลูกค้าไปยังร้านออนไลน์ของคุณแทนได้