เมื่อนึกถึงการขายสินค้าออนไลน์ คุณนึกถึงอะไรบ้าง? บางคนอาจนึกถึงเสื้อยืดพิมพ์ลาย เครื่องประดับทำมือ หรือของใช้สำหรับสัตว์เลี้ยง การสร้างสรรค์หรือคัดเลือกสินค้าที่จับต้องได้มาขายออนไลน์ ถือเป็นโมเดลธุรกิจที่ได้รับความนิยม และมีร้านค้าบน Shopify จำนวนมากเลือกใช้วิธีนี้
แต่การเลือก สินค้าขายดีบน Shopify ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย คุณจะผลิตสินค้าทำมือเอง หรือจะทำดรอปชิปให้แบรนด์อื่น? คุณจะเกาะกระแสเทรนด์ หรือจะสร้างนวัตกรรมใหม่ด้วยตัวเอง?
บน Shopify คุณสามารถขายได้มากกว่าสินค้าที่จับต้องได้ หลายธุรกิจใช้ Shopify เพื่อขายประสบการณ์ คอร์สเรียน การให้เช่า และสินค้าดิจิทัลต่างๆ ซึ่งล้วนเป็นแนวคิดสร้างสรรค์ที่น่าสนใจ
มาค้นหาไอเดียสินค้าหรือบริการที่คุณรู้สึกตื่นเต้น แล้วเริ่มต้นธุรกิจบน Shopify ได้ตั้งแต่วันนี้เลย!
17 ไอเดียสินค้าขายดีบน Shopify
- ของแฮนด์เมด
- สินค้าแนวดรอปชิป ไม่ต้องสต็อกเอง
- สินค้าออกแบบเอง (Print-on-demand)
- ของเมอร์ชสุดคูล
- สินค้าอินเทรนด์หรือของในกระแส
- สินค้าแรร์ไอเทม
- ขายระบบบริการนัดหมาย
- ขายแพ็กเกจสมาชิก
- ให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัว
- ขายไฟล์ดิจิทัล-งานสร้างสรรค์
- ประสบการณ์
- คลาสเรียนและเวิร์กช็อป
- ปล่อยเช่าสินค้า
- เสนอราคา-ประเมิน-วิเคราะห์โปรเจกต์
- เปิดรับบริจาคออนไลน์
- ขายบัตรเข้างานและอีเวนต์ต่างๆ
- บัตรของขวัญ
1. สินค้าแฮนด์เมด

หนึ่งในสินค้าขายดีบน Shopify ก็คือสินค้าแฮนด์เมด ถ้าคุณมีงานอดิเรกอย่างทำเครื่องประดับ หรือทำขนมอบ ก็มีโอกาสเปลี่ยนความชอบให้เป็นรายได้ได้ การเปลี่ยนงานอดิเรกเป็นธุรกิจจริง จะต้องเริ่มจากการหากลุ่มเป้าหมาย วางระบบการผลิตให้ลงตัว และเตรียมสินค้าพร้อมขายออนไลน์
เช่น ศิลปินกระจกสี Debbie Bean ที่พบเส้นทางของตัวเองจากงานฝีมือ เธอทำงานพิเศษและลดค่าใช้จ่ายในบ้านเพื่อขยายธุรกิจใหม่ของตัวเอง เริ่มต้นจากการออกบูธที่งานคราฟต์โชว์ท้องถิ่น และต่อยอดแบรนด์จากการบอกต่อ จนสุดท้ายผลงานของเธอถูกวางขายในร้านค้ากว่า 200 แห่งทั่วโลก ก่อนที่เธอจะขยับไปสร้างสรรค์งานติดตั้งศิลปะขนาดใหญ่ในเวลาต่อมา
เคล็ดลับปั้นธุรกิจให้โตไว
- การขยายธุรกิจสินค้าแฮนด์เมดอาจไม่ง่ายนัก แต่เมื่อธุรกิจเติบโต คุณสามารถจ้างทีมมาช่วยประกอบสินค้าได้ ในช่วงเริ่มต้น ลองปรับกระบวนการผลิตให้ทำเป็นล็อตเล็กๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
- อีกทางเลือกหนึ่งคือการทำสินค้าตามออเดอร์ (Made-to-order) ผลิตเฉพาะเมื่อมีลูกค้าสั่งซื้อ ช่วยลดต้นทุนและลดของค้างสต็อกได้
- การเล่าเรื่องแบรนด์ (Brand Storytelling) เป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจสายแฮนด์เมด อย่าลืมใช้เวลาในการถ่ายทอดเรื่องราวของคุณให้น่าสนใจ
- ดาวน์โหลด เช็กลิสต์เริ่มต้นธุรกิจเครื่องประดับ เพื่อเริ่มขายงานคราฟต์ของคุณได้ที่นี่ (คลิกเพื่อดาวน์โหลด)
2. สินค้าแนวดรอปชิป ไม่ต้องสต็อกเอง

ดรอปชิป (Dropshipping) เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับมือใหม่ในสายอีคอมเมิร์ซ เพราะเป็นโมเดลธุรกิจที่ช่วยให้คุณขายสินค้าได้โดยไม่ต้องสต็อกของเองหรือจัดการเรื่องขนส่ง
ธุรกิจดรอปชิปคือการขายสินค้าออนไลน์แทนบริษัทอื่น ซึ่งจะเป็นผู้จัดส่งสินค้าให้ลูกค้าโดยตรง
Tan Choudhury ค้นพบโมเดลดรอปชิปในช่วงที่เขาประสบปัญหาด้านการขนส่งในธุรกิจแรกของตัวเอง และจากนั้นเขาก็กลายมาเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ ช่วยสอนคนอื่นให้ทำตามสำเร็จด้วย คำแนะนำสำคัญจากเขาคือ การเริ่มต้นด้วยสินค้าชิ้นเดียวก่อน "การพยายามขายสินค้าทีเดียว 20 ชิ้นตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นอาจทำให้คุณรู้สึกหนักเกินไป" Tan กล่าว
ทิปส์สำคัญ เริ่มต้นดรอปชิปยังไงให้รอด
- หา Supplier ดรอปชิปที่น่าเชื่อถือ และจัดส่งตรงเวลา
- โฟกัสที่การสร้างจุดต่างให้แบรนด์ของคุณ ไม่ให้เหมือนร้านดรอปชิปอื่นๆ
- ใช้สินค้ากระแสมาแรงเป็นไอเดียเริ่มต้น
- คุณสามารถดรอปชิปได้แทบทุกอย่าง ตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องประดับ หนังสือ ไปจนถึงของใช้เด็ก
3. Print-on-demand สินค้าขายดีบน Shopify

Print-on-demand เป็นอีกหนึ่งโมเดลธุรกิจสินค้าขายดีบน Shopify ที่ไม่ต้องสต็อกสินค้าเองหรือจัดการขนส่ง หากคุณเป็นสายครีเอทีฟ ลองใช้บริการ Print-on-demand เพื่อใส่ดีไซน์ของคุณลงบนเสื้อยืด เคสโทรศัพท์ แก้วกาแฟ และสินค้าอื่นๆ ได้เลย
Maria Qamar หรือที่รู้จักกันในชื่อศิลปิน HATECOPY เจอทางออกจากปัญหาธุรกิจศิลปะที่เติบโตเร็วเกินควบคุม ด้วยการใช้ Print-on-demand "ช่วงหนึ่ง งานสั่งซื้อเข้ามาเยอะจนฉันแทบไม่มีเวลาได้วาดรูปเลย ทั้งวันหมดไปกับการส่งของและเดินทาง" Maria เล่า ตอนนี้ระบบ Print-on-demand ช่วยให้เธอกลับมาโฟกัสที่งานสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่
เริ่มขายงานพิมพ์ตามสั่งอย่างมีเทคนิค
- มีบริษัท Print-on-demand ให้เลือกหลายเจ้า เลือกบริษัทที่มีสินค้าประเภทและคุณภาพตรงกับสิ่งที่คุณต้องการ
- นักเขียนเองก็สามารถใช้บริการ Print-on-demand ขายหนังสือบน Shopify ได้เช่นกัน ไม่ต้องผ่านสำนักพิมพ์แบบเดิม
4. ของเมอร์ช (Merch) สุดคูล
คุณสามารถขายสินค้าได้ แม้ว่าธุรกิจของคุณจะไม่ได้โฟกัสที่ตัวสินค้าโดยตรง หลายธุรกิจสายบริการและครีเอเตอร์ออนไลน์หันมาขายเมอร์ช เพื่อเพิ่มช่องทางรายได้และสร้างความผูกพันกับแฟนๆ
อินฟลูเอนเซอร์สามารถเปิดร้านค้าออนไลน์ของตัวเองบน Shopify แล้วขายเมอร์ชให้แฟนคลับได้ นอกจากนี้ยังช่วยสร้างรายชื่ออีเมล (eMail List) และสร้างฐานแฟนที่คุณเป็นเจ้าของเอง ไม่ต้องพึ่งแค่โซเชียลมีเดีย
ย้อนกลับไปปี 2011 Sarah Andersen เริ่มต้นจากการวาดโดเดิล (Doodles) และสร้างฐานแฟนบน Tumblr จากนั้นเธอต่อยอดผลงานกลายเป็นอาณาจักรการ์ตูนชื่อดัง Sarah’s Scribbles เมื่อแบรนด์เติบโตขึ้น เธอจึงเปิดไลน์เมอร์ชของตัวเอง ทั้งเสื้อยืด ตุ๊กตา แก้วน้ำ และภาพพิมพ์ ร่วมกับคอมิกที่เธอทำอยู่แล้ว
เริ่มขายเมอร์ชยังไงให้เหมือนโปร
- ใช้บริการ Print-on-demand หรือแอปจาก Shopify App Store เพื่อหลีกเลี่ยงการสต็อกสินค้าเอง
- ใช้เมอร์ชเป็นทางเลือกในการเสนอสินค้าราคาย่อมเยา เช่น ศิลปินที่มีแต่งานต้นฉบับราคาสูง อาจเพิ่มเมอร์ชที่พิมพ์ลายศิลปะของตัวเองเข้าไปในไลน์สินค้า
5. สินค้าขายดีบน Shopify “ของในกระแส”
ถ้าคุณเริ่มต้นจากศูนย์และกำลังมองหาสินค้าขายดีบน Shopify ลองมองไปที่สินค้าในกระแสดูสิ ถ้ายังไม่มีไอเดียธุรกิจหรืองานอดิเรกที่ต่อยอดได้ นี่แหละคือจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะคุณรู้อยู่แล้วว่าสินค้านี้มีตลาด เพียงแค่หาวิธีดึงลูกค้าให้มาเจอร้านของคุณเท่านั้น
การใช้ Google Trends จะช่วยให้คุณเช็กได้ว่าไอเดียของคุณมีโอกาสไปได้แค่ไหน และการตั้งร้าน Shopify ให้แข็งแรงตั้งแต่แรกก็สำคัญ เพราะสินค้ากระแสมักมีคู่แข่งเพียบ — แล้วคุณจะทำยังไงให้ร้านคุณโดดเด่นกว่าใคร?
จับกระแสยังไงให้เวิร์ก ทิปส์สำหรับมือใหม่
- อย่าใช้แค่ Google Trends ลองดูเทรนด์จาก TikTok Trends, Pinterest Trends, นิตยสารผู้บริโภค, เว็บข่าวสินค้า และร้านค้าออนไลน์อื่นๆ ด้วย
- อย่าลืมว่ากระแสมาไวไปไว เตรียมแผนสำรองไว้ล่วงหน้า เผื่อความนิยมสินค้าคุณลดลง
6. แรร์ไอเทม สินค้าขายดีบน Shopify
ถ้าคุณไม่อยากเริ่มผลิตสินค้าตั้งแต่ศูนย์ ลองแนวทางการคัดเลือกสินค้าขายดีบน Shopify แทน ลองนึกถึงสิ่งที่คุณสนใจ แล้วดูว่าจะสามารถเลือกสินค้าที่ดีที่สุดในหมวดหมู่นั้นได้มาขายได้มั้ย? เช่น ขายสินค้าสำหรับความงามสำหรับสภาพผิวเฉพาะ หรือเป็นตัวแทนจำหน่ายแบรนด์ดังในตลาดใหม่ก็ได้
ถ้าคุณมีความรู้หรือความหลงใหลในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง นี่คือจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยม ใช้คอนเทนต์มาร์เก็ตติ้ง (Content Marketing) เพื่อสร้างตัวตนในฐานะผู้เชี่ยวชาญและสร้างความน่าเชื่อถือ แล้วค่อยคัดสรรสินค้าที่ดีที่สุดในหมวดหมู่นั้นมาขายบน Shopify
วิธีเริ่มคัดสินค้าหายาก มาขายบน Shopify
- ลองสำรวจร้านค้าออนไลน์อื่นๆ เพื่อหาแรงบันดาลใจ ดูว่าพวกเขาคัดเลือกสินค้าและจัดหมวดหมู่ยังไง อะไรที่ทำให้ร้านของพวกเขาโดดเด่น
- ลองพิจารณาทำธุรกิจ Subscription Box และใช้แอป Subscription จาก Shopify App Store มาช่วยบริหารจัดการธุรกิจ
- ดาวน์โหลดเช็กลิสต์เริ่มต้นธุรกิจสกินแคร์ เพื่อเตรียมตัวบุกตลาดความงาม (คลิกเพื่อดาวน์โหลด)
7. ขายระบบบริการนัดหมาย

ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่ให้บริการแบบเจอตัวหรือออนไลน์ การเปิดให้ลูกค้าจองนัดหมายด้วยตัวเองผ่านเว็บไซต์ก็เป็นหนึ่งในสินค้าขายดีบน Shopify เพราะระบบนี้ช่วยให้ทั้งลูกค้าและทีมงานทำงานสะดวกขึ้น
ธุรกิจอย่างผู้รับเหมา ร้านเสริมสวย หรือโรงเรียนสอนดนตรี สามารถขายช่วงเวลานัดหมายสำหรับให้คำปรึกษาออนไลน์ หรือบริการที่ให้บริการแบบตัวต่อตัวผ่านร้านค้าออนไลน์ได้
แม้แต่ร้านค้าที่ขายสินค้าอยู่แล้วก็สามารถเพิ่มบริการเสริม (ฟรีหรือคิดค่าบริการ) ลงบนเว็บไซต์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจได้เช่นกัน
เริ่มต้นขายบริการนัดหมายยังไงให้ปัง
- ใช้แอปจองนัดหมายใน Shopify ที่มีปฏิทินไดนามิก ให้ลูกค้าเลือกเวลาว่างได้แบบเรียลไทม์
- ธุรกิจบริการยังสามารถขายเมอร์ชแบรนด์ของตัวเองควบคู่ไปกับการขายนัดหมายได้ด้วย
8. ขายแพ็กเกจสมาชิก
หลายองค์กรไม่แสวงหากำไรใช้ระบบสมาชิกแบบชำระเงิน (Paid Memberships) เพื่อสร้างรายได้ต่อเนื่อง และสำหรับครีเอเตอร์เองก็สามารถใช้สมาชิกเข้าถึงคอนเทนต์พิเศษให้แฟนคลับที่เหนียวแน่นได้เช่นกัน
สนามกอล์ฟ ชมรมแฟนคลับ แกลเลอรีศิลปะ และผู้ผลิตคอนเทนต์การศึกษาคือตัวอย่างธุรกิจที่เหมาะกับการขายสิทธิพิเศษสมาชิกออนไลน์ เพราะช่วยสร้างความผูกพันระยะยาวกับลูกค้า แทนการขายแบบครั้งเดียวจบ
ตัวอย่างเช่น Buffalo Botanical Gardens ขายตั๋วเข้าชมครั้งเดียวก็ได้ แต่กระตุ้นให้ลูกค้าซื้อบัตรสมาชิกที่ใช้ได้ทั้งปีพร้อมสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกเท่านั้น ส่วนแบรนด์เพลงเด็ก Yoto ก็ขายสมาชิก Yoto Club ส่งการ์ด Yoto ใหม่ๆ ให้สมาชิกทุกเดือนทางไปรษณีย์
เทคนิคเริ่มขายแพคเกจสมาชิก
- ธุรกิจสมาชิกทำงานคล้ายธุรกิจ Subscription โดยใช้ระบบชำระเงินแบบต่ออายุอัตโนมัติ และระบบจัดการบัญชีลูกค้า ใช้โมเดลนี้เป็นแนวทางในการตั้งร้านค้าออนไลน์ของคุณ
- ใช้แอปเช่น BOLD Memberships เพื่อขายสมาชิกแบบครั้งเดียวหรือแบบต่ออายุได้อย่างง่ายดายบน Shopify
9. การให้คำปรึกษา

ทำไมไม่ลองขายทักษะความเชี่ยวชาญของคุณดูบ้าง? ไม่ว่าคุณจะเป็นนักออกแบบตกแต่งภายใน หรือเทรนเนอร์ฟิตเนส ก็สามารถใช้ร้านค้าออนไลน์เพื่อรับจองและขายบริการให้คำปรึกษา ทั้งแบบออนไลน์หรือแบบพบตัวได้
แบรนด์ที่เน้นการปรับแต่งหรือทำสินค้าตามสั่งก็นิยมขายบริการให้คำปรึกษา เพื่อช่วยลูกค้าออกแบบสินค้าที่ตรงใจที่สุด เช่น Taryn Rodighiero เจ้าของแบรนด์ชุดว่ายน้ำสั่งตัด Kaikini ก็ใช้การให้คำปรึกษาออนไลน์ ช่วยลูกค้าวัดตัวและสั่งทำบิกินี่แบบพิเศษเฉพาะตัว
เทคนิคเริ่มต้นธุรกิจอย่างราบรื่น
- ใช้แอปอย่าง BookedUp ให้ลูกค้าจองคิวปรึกษาบนเว็บไซต์ได้สะดวก พร้อมซิงก์กับ Calendly เพื่อป้องกันการจองเวลาซ้ำ
- ใช้เครื่องมือสร้างใบแจ้งหนี้ของ Shopify (Invoice Generator) เพื่อออกบิลสำหรับบริการปรึกษาแบบกำหนดราคาเอง
10. สินค้าดิจิทัลก็ขายดีบน Shopify

สินค้าดิจิทัลหมายถึงอะไรก็ตามที่คุณขายและส่งมอบในรูปแบบออนไลน์ เช่น คอร์สเรียน ไฟล์เพลง ฟอนต์ หรือองค์ประกอบดีไซน์ต่างๆ (ในบทความนี้ เราจะมีพูดถึงการขายคอร์สแยกแบบละเอียดอีกที)
ตัวอย่างเช่น Thread Theory ที่ก่อตั้งโดย Matt และ Morgan Meredith แม้จะขายสินค้าจริงอย่างกรรไกรและแพตเทิร์นกระดาษ แต่พวกเขายังมีตัวเลือกที่ราคาย่อมเยากว่า คือแพตเทิร์นเย็บผ้าแบบไฟล์ PDF ส่งให้ลูกค้าดาวน์โหลดได้ทันที นอกจากนี้ ธุรกิจที่มีสื่อสิ่งพิมพ์ เช่น นิตยสารหรือสมุดจด ก็สามารถแปลงมาเป็นไฟล์ดิจิทัลขายบน Shopify ให้ลูกค้าพิมพ์เองที่บ้านได้เช่นกัน
ขายไฟล์ออนไลน์ยังไงให้เหมือนมืออาชีพ
- ใช้แอปอย่าง Sky Pilot และ Easy Digital Products เพื่อส่งไฟล์ให้ลูกค้าหลังการสั่งซื้อทันที หรือส่งลิงก์ดาวน์โหลดแบบอัตโนมัติได้อย่างสะดวก
11. ขายประสบการณ์

ธุรกิจที่เน้นขายประสบการณ์มีตั้งแต่บริการท่องเที่ยว ผจญภัย ทัวร์ไร่องุ่น ไปจนถึงค่ายเด็กต่างๆ ธุรกิจแบบนี้สามารถยกระดับประสบการณ์ลูกค้าได้ ด้วยการเปิดให้ซื้อตั๋วล่วงหน้าและเลือกเวลานัดหมายผ่านร้านค้าออนไลน์
ตัวอย่างเช่น คุณสามารถขายทริปปีนผา ทริปนำเที่ยวต่างประเทศ หรือทริปแคมป์ปิ้งผ่านร้านค้าอีคอมเมิร์ซได้เลย โดยสร้างหน้าสินค้า (Product Pages) สำหรับแต่ละประสบการณ์ เพื่อเล่าเรื่องราว ให้ข้อมูล และโน้มน้าวใจลูกค้าให้ตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น แม้จะเป็นรายการที่มีราคาสูงก็ตาม
เริ่มต้นขายประสบการณ์ออนไลน์ยังไงให้เวิร์ก
- ธุรกิจที่ขายประสบการณ์อาจต้องเก็บข้อมูลเพิ่มเติมจากลูกค้า เช่น ข้อมูลสุขภาพ หรือเบอร์ติดต่อฉุกเฉิน ใช้ Shopify Forms เพื่อสร้างฟอร์มเก็บข้อมูลที่ปรับแต่งได้ตามต้องการ
- ใช้วิดีโอเป็นเครื่องมือดึงดูดลูกค้า รวบรวมฟุตเทจจากการให้บริการจริง แล้วตัดต่อคลิปด้วยโปรแกรมฟรี เพื่อใช้โปรโมตประสบการณ์ของคุณให้น่าสนใจยิ่งขึ้น
12. คลาสเรียนและเวิร์กช็อป

การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้เห็นว่า หลักสูตรการเรียนการสอนสามารถย้ายมาอยู่ในรูปแบบออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย ทั้งสตูดิโอโยคะและยิมมวยต่างปรับตัวมาขายแพ็กเกจคลาสเรียนออนไลน์ ให้ผู้เรียนซื้อตั๋วและเข้าร่วมคลาสจากที่ไหนก็ได้
ลองนึกถึงคลาสอื่นๆ ที่คุณสามารถขายผ่าน Shopify ได้ เช่น คอร์สการตลาดดิจิทัล คลาส DIY งานประดิษฐ์ หรือคอร์สสอนเทคนิคการเลี้ยงลูก
ทิปส์เริ่มขายคลาสเรียนออนไลน์
- ขายคอร์สในหลายรูปแบบ เช่น วิดีโอ ใบงาน (Worksheets) สมุดคู่มือ (Booklets) หรือการโค้ชตัวต่อตัว
- ใช้แอปอย่าง ourses Plus เพื่อเปลี่ยนร้าน Shopify ของคุณให้กลายเป็นแพลตฟอร์มขายคอร์สออนไลน์ สร้างบทเรียนและจัดจำหน่ายได้อย่างง่ายดาย
13. ให้เช่าสินค้า

ธุรกิจให้เช่า คือการเปิดโอกาสให้ลูกค้าใช้งานสินค้าชั่วคราวตามระยะเวลาที่กำหนด ลูกค้าจะจ่ายเฉพาะค่าใช้สินค้านั้นช่วงสั้นๆ โดยไม่ต้องแบกรับค่าเก็บรักษาหรือค่าดูแลระยะยาว
ตัวอย่างเช่น Mannequin Madness ขายอุปกรณ์จัดแสดงสินค้าให้กับร้านค้าผ่านเว็บไซต์ แต่ก็เปิดให้เช่าหุ่นโชว์แบบชั่วคราวด้วย Judi Henderson-Townsen ผู้ก่อตั้งธุรกิจนี้เริ่มจากการต้องการหาหุ่นโชว์ แต่พบว่ามีผู้ขายเพียงรายเดียวในพื้นที่ เธอจึงตัดสินใจซื้อสต็อกทั้งหมดมาและเริ่มต้นธุรกิจให้เช่า โดยใช้ฟอร์มติดต่อสอบถามความต้องการลูกค้าก่อนทำการเช่า
ในขณะที่ธุรกิจให้เช่าชุดเดรสอย่าง The Fitzroy เลือกแนวทางให้ลูกค้าเซลฟ์เซอร์วิส ลูกค้าสามารถเลือกช่วงเวลาที่ต้องการเช่าผ่านตัวเลือกวันที่ในหน้าสินค้า แล้วทำการ "เช็คเอาต์" ได้เอง ใช้แอปง่ายๆ และหน้าคำถามที่พบบ่อย (FAQ) ที่ชัดเจน ช่วยให้กระบวนการเช่าและคืนของเป็นไปอย่างราบรื่น
ทิปส์เริ่มเปิดร้านให้เช่าออนไลน์
- ใช้แอป IzyRent: Rentals & Bookings ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับธุรกิจให้เช่า เพื่อให้ลูกค้ากดเช่าสินค้าบนเว็บไซต์ได้ในคลิกเดียว
- การให้เช่าอาจต้องขอข้อมูลเพิ่มเติมจากลูกค้า เช่น ข้อตกลงการเช่า ใช้ Shopify Forms เพื่อเก็บข้อมูลที่จำเป็นอย่างมืออาชีพ
14. เสนอราคา-ประเมิน-วิเคราะห์โปรเจกต์

GoGreenSolar ขายและติดตั้งโซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับบ้านพักอาศัย เนื่องจากเป็นสินค้าสั่งทำพิเศษและต้องมีขั้นตอนติดตั้งเพิ่มเติม ลูกค้าจึงสามารถขอใบเสนอราคาและคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญได้ผ่านฟอร์มติดต่อในเว็บไซต์ การเปิดให้ลูกค้ากรอกใบเสนอราคาด้วยตัวเอง ช่วยประหยัดเวลาและลดภาระทีมงานสำหรับธุรกิจที่ต้องให้บริการเชิงเทคนิคขั้นสูง
การเสนอราคายังเป็นเครื่องมือการตลาดที่ดีสำหรับต่อยอดบริการอื่นๆ ของธุรกิจ เช่น ธุรกิจปรับปรุงระบบพลังงานภายในบ้าน อาจขายบริการตรวจสอบพลังงาน (Energy Audit) ผ่านเว็บไซต์ แล้วใช้รายงานผลการตรวจสอบชี้แนะแนวทางให้ลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายระยะยาว ด้วยการซื้อบริการอัปเกรดจากทางธุรกิจ
เทคนิคการเริ่มธุรกิจ
- ใช้แอปอย่าง SA Request a Quote เพื่อรวบรวมคำขอใบเสนอราคาจากลูกค้าในร้านค้าออนไลน์ และเปลี่ยนใบเสนอราคานั้นให้กลายเป็นคำสั่งซื้อจริงได้อย่างง่ายดาย
15. เปิดรับบริจาคออนไลน์

หลายองค์กรการกุศลใช้ Shopify เป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าแบรนด์ของตัวเอง เพื่อนำกำไรไปสนับสนุนภารกิจ แต่จริงๆ แล้ว องค์กรไม่แสวงหากำไรสามารถใช้ร้านค้าออนไลน์เพื่อเปิดรับบริจาคทั้งแบบครั้งเดียวและแบบต่อเนื่องได้เช่นกัน
ตัวอย่างเช่น An Act of Dog ซึ่งเป็นมูลนิธิที่จดทะเบียนถูกต้อง ขายภาพวาดสัตว์เลี้ยงเพื่อสมทบทุนช่วยเหลือองค์กรกู้ภัยสัตว์หลายแห่ง พร้อมเปิดช่องทางให้ลูกค้าบริจาคเงินโดยตรงผ่านเว็บไซต์เดียวกันด้วย
ทิปส์เริ่มเปิดรับบริจาคออนไลน์
- ใช้แอปอย่าง DonateMate เพื่อเปิดรับบริจาคจากลูกค้าโดยตรงผ่านร้านค้า Shopify ของคุณ ทั้งแบบกำหนดจำนวนเงินเองหรือเลือกรายการที่องค์กรเสนอไว้
16. ขายบัตรเข้างานและอีเวนต์

ระบบจำหน่ายบัตรออนไลน์เหมาะสำหรับธุรกิจหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่จัดงาน โรงละครอิสระ หรือแม้แต่บ้านผีสิงแบบป๊อปอัปก็ใช้ได้
ตัวอย่างเช่น Undertow ร่วมมือกับศิลปินกลุ่มเล็กๆ เพื่อขายบัตรเข้างานดนตรีทั่วสหรัฐฯ โดยใช้ระบบส่งบัตรแบบไร้กระดาษ (Paperless) ส่งลิงก์ดาวน์โหลดบัตรให้ลูกค้าโดยตรง
ขณะที่ Run Across America ใช้วิธีการขายบัตรที่ต่างออกไป โดยขายสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมวิ่งเสมือน (Virtual Run) ที่ผู้เข้าร่วมสามารถเลือกวันและเวลาวิ่งเองได้ การซื้อบัตรจะรวมถึงการเข้าถึงแอปติดตามผลและเสื้อสเวตเตอร์ของกิจกรรมด้วย
เคล็ดลับในการเริ่มต้นธุรกิจขายบัตรฯ
- ออกแบบ ขาย และสแกนบัตรเข้างานได้ง่ายๆ ด้วย แอป Event Ticketing ที่เชื่อมต่อกับร้าน Shopify ของคุณโดยตรง
- ใช้ตัวสร้าง QR Code เพื่อสร้างคิวอาร์โค้ดเฉพาะสำหรับแต่ละบัตร ลูกค้าจะได้สแกนเข้าร่วมงานได้สะดวก
17. บัตรของขวัญ

หนึ่งในสินค้าดิจิทัลที่ง่ายที่สุดที่สามารถเพิ่มเข้าไปในร้านออนไลน์ได้ก็คือ บัตรของขวัญ บน Shopify คุณสามารถเปิดใช้งานบัตรของขวัญสำหรับร้านค้าส่วนใหญ่ได้อย่างง่ายดาย บัตรของขวัญเหมาะกับธุรกิจทุกรูปแบบ โดยให้ผู้รับใช้รหัสบัตรแลกซื้อสินค้าและบริการในเว็บไซต์ของคุณได้โดยตรง
ตัวอย่างเช่น แบรนด์ของแต่งบ้าน Apt2B ขายบัตรของขวัญแบรนด์ตัวเองหลายราคา ซึ่งลูกค้าสามารถนำไปใช้ซื้อเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านผ่านร้านค้าออนไลน์ของแบรนด์ได้เลย
ทิปส์ง่ายๆ ในการเริ่มขาย Gift Card
- เสนอขายบัตรของขวัญในหลายช่วงราคา เพื่อให้ลูกค้ามีตัวเลือกหลากหลายตรงใจ
- กระตุ้นการขายบัตรของขวัญในแคมเปญการตลาด โดยเฉพาะหลังหมดช่วงเวลาจัดส่งของขวัญในเทศกาล (Shipping Cutoff)
ข้อควรพิจารณาในการเลือกสินค้ามาขายบน Shopify
1. กฎระเบียบท้องถิ่น
ก่อนเริ่มขายสินค้าออนไลน์ ศึกษาให้ดีก่อนว่าคุณต้องมีใบอนุญาต ใบรับรอง หรือเอกสารอนุมัติอะไรบ้าง โดยเฉพาะถ้าคุณขายอาหาร เครื่องสำอาง หรือสินค้าสำหรับเด็ก เพราะแต่ละเมืองหรือรัฐอาจมีกฎที่แตกต่างกัน การละเลยข้อนี้อาจทำให้โดนปรับ หรือแย่กว่านั้นคือต้องปิดร้านได้เลย
2. โลจิสติกส์และการจัดส่งสินค้า
คิดให้รอบคอบว่าจะบรรจุหีบห่อและจัดส่งสินค้าอย่างไรให้ปลอดภัยระหว่างการขนส่ง และมีต้นทุนที่คุ้มค่าสำหรับคุณและลูกค้า คุณอาจพิจารณาเสนอบริการส่งฟรี โดยรวมต้นทุนการจัดส่งไว้ในราคาสินค้า และใช้บริการ Shopify Shipping เพื่อประหยัดค่าส่งได้สูงสุดถึง 88% กับขนส่งชั้นนำ เช่น USPS และ DHL
3. กลุ่มเป้าหมาย
ระบุกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนว่าคือใคร คนกลุ่มไหนที่อยากซื้อสินค้าของคุณ รู้ข้อมูลพื้นฐาน เช่น อายุ ความสนใจ รายได้ และพฤติกรรมออนไลน์ของพวกเขา เพื่อช่วยตั้งราคาขายให้เหมาะ เลือกช่องทางการตลาดได้ตรงจุด และเขียนคำบรรยายสินค้าที่สื่อโดนใจลูกค้ามากที่สุด
4. การจัดการสต็อก
ตัดสินใจว่าคุณจะผลิตสินค้าเก็บไว้ล่วงหน้า หรือทำตามออเดอร์เป็นหลัก และพิจารณาด้วยว่าจะเก็บสินค้าที่ไหน ติดตามสต็อกอย่างไร และต้องลงทุนล่วงหน้าเท่าไหร่ในเรื่องวัสดุและอุปกรณ์
บน Shopify ขายดี (แทบ) ทุกอย่าง
หากคุณกำลังมองหาไอเดียธุรกิจและไม่แน่ใจว่าจะขายอะไรบน Shopify คำตอบคือ: แทบจะทุกอย่างเลย! มีไอเดียสำหรับทุกคน แม้คุณจะไม่ใช่คนที่มีความคิดสร้างสรรค์หรือไม่คิดจะผลิตสินค้าของตัวเองก็ตาม อย่าจำกัดตัวเองแค่การขายสินค้าเป็นรูปธรรม คุณสามารถขายอะไรก็ได้บน Shopify ตั้งแต่สมาชิกภาพ บัตรเข้างาน จนถึงสินค้าดิจิทัล พัฒนาแบรนด์ของคุณ ตั้งร้าน Shopify และเริ่มขายสินค้าหรืออะไรก็ตามที่คุณต้องการได้ทันที
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสินค้าขายดีบน Shopify
สินค้าขายดีบน Shopify มีอะไรบ้าง?
คุณสามารถขายสินค้า (ทั้งดิจิทัลและสินค้าจริง) รวมถึงบริการบน Shopify สิ่งที่ไม่สามารถจับต้องได้ที่คุณสามารถขายได้ ได้แก่ สมาชิกภาพ การให้คำปรึกษา ฟอนต์ การติดตั้ง บัตรเข้างาน และบัตรของขวัญดิจิทัล แต่ไม่ต้องหยุดแค่นั้น ค้นหานิชของคุณต่อไป เพราะความเป็นไปได้ไม่มีที่สิ้นสุด
ต้องใช้อะไรบ้างในการเริ่มขายบน Shopify?
เพื่อทำการขายครั้งแรกบน Shopify คุณต้องพัฒนาแบรนด์ ทำความเข้าใจลูกค้าเป้าหมาย และตัดสินใจว่าจะขายอะไร ขั้นตอนถัดไปคือการสร้างร้านค้าและเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ของคุณ หลังจากนั้น คุณสามารถดึงดูดผู้เข้าชมร้านค้าผ่านกลยุทธ์ต่างๆ เช่น การตลาดแบบออร์แกนิก โฆษณา SEO หรือการโปรโมทผ่านอินฟลูเอนเซอร์
เราจะขายสินค้าของตัวเองบน Shopify ได้หรือไม่?
ได้ คุณสามารถผลิตและขายงานฝีมือ หรือสินค้าทำมืออื่นๆ บน Shopify หากคุณเป็นผู้ผลิต คุณสามารถตั้งร้านเพื่อขายสินค้าของคุณตรงไปยังกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ยังสามารถขายข้ามช่องทางการขายต่างๆ เช่น ตลาดงานฝีมือออนไลน์เพื่อขยายการเข้าถึงของคุณ คุณยังสามารถขายของเก่าวินเทจ สินค้ามือสอง ผลงานดิจิทัล และอีกมากมาย
Shopify เหมาะกับมือใหม่หรือไม่?
Shopify เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำสำหรับมือใหม่ ด้วยแผนราคาที่เหมาะสมสำหรับทุกงบประมาณและส่วนหลังที่ใช้งานง่าย คุณสามารถสร้างและปรับแต่งร้านค้าออนไลน์ของคุณได้ในไม่กี่นาที นอกจากนี้ Shopify ยังมีเครื่องมือทางธุรกิจที่ครบครันที่สามารถเติบโตไปกับคุณได้