Shopify เทียบกับ WooCommerce

อีคอมเมิร์ซนั้นทำงานบนแพลตฟอร์ม ไม่ใช่ปลั๊กอิน

ทั้งในเรื่องยอดคอนเวอร์ชันสูง ความคุ้มค่าของค่าใช้จ่าย และนวัตกรรมที่นำเข้าสู่ตลาดเป็นรายแรก ข้อมูลทั้งหมดชี้ไปที่ข้อสรุปเดียว นั่นก็คือ Shopify เป็นผู้นำในการแข่งขันทางอีคอมเมิร์ซ

แบรนด์นับพันเติบโตจน WooCommerce ไม่สามารถรองรับความต้องการได้อีกต่อไป

แบรนด์ต่างๆ กำลังเปลี่ยนมาใช้ Shopify ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซระดับโลกที่น่าเชื่อถือที่สุดในการขยายธุรกิจของคุณ

  • Rudis logo
  • Thermomix logo
  • Dr. Scholl’s logo
  • Sunology logo
  • Woobles logo
  • Muscle Nation logo
  • T1tan logo

ทำไมจึงเลือกใช้ Shopify

เหตุผล 4 ประการที่แบรนด์ต่างๆ หันมาใช้งานเรา

  1. 1
    ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ

    Shopify คุ้มครองข้อมูลให้ปลอดภัยและมอบช่วงเวลาให้บริการ 99.99%

  2. 2
    TCO ที่ต่ำกว่า

    ค่าใช้จ่ายโดยรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) ของ Shopify ต่ำกว่า WooCommerce ถึง 36% โดยเฉลี่ย

  3. 3
    ใช้งานได้จริงและคล่องแคล่ว

    ลดหนี้ทางเทคนิคและเสริมศักยภาพให้ทีมของคุณทำการเปลี่ยนแปลงได้เร็วยิ่งขึ้นด้วยการคลิก ไม่ใช่การเขียนโค้ด

  4. 4
    ศักยภาพที่มากขึ้น

    ฟีเจอร์ในตัวอันทรงประสิทธิภาพ และระบบนิเวศแอปพลิเคชันที่มีความน่าเชื่อถืออย่างสูงของ Shopify พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับแบรนด์ที่กำลังเติบโต

ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ

ทำงานบนโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกของ Shopify

Shopify มีการเข้ารหัสที่ปลอดภัย การควบคุมการเข้าถึง การสำรองข้อมูล และการรักษาความปลอดภัยเครือข่ายให้กับคุณ เพื่อที่คุณจะได้โฟกัสเพียงการดูแลแบรนด์ของคุณให้เติบโต สำหรับแพลตฟอร์มโอเพนซอร์ซอย่าง WooCommerce ทีมงานของคุณจะต้องรับผิดชอบทั้งการโฮสต์ การปฏิบัติตามมาตรฐาน PCI และการอัปเดตซอฟต์แวร์ด้วยตัวเอง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้น

33

รายงาน ปัญหาช่องโหว่ ของ WooCommerce ในปี 2023 เน้นย้ำถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยสำหรับแบรนด์

99.99%+

ช่วงเวลาให้บริการเฉลี่ยของ Shopify ช่วยรับรองว่าลูกค้าสามารถเข้าถึงร้านค้าออนไลน์ได้ตลอดเวลา

เรารับมือได้ทุกรูปแบบ

ประสิทธิภาพระดับชั้นนำของวงการ

เมื่อพูดถึงประสิทธิภาพ เราเป็นผู้นำในการแข่งขัน Shopify ให้บริการนักช้อปมากกว่า 644 ล้านคนทั่วโลกด้วยไซต์ที่ทำงานด้วยความเร็วและมีอัตราคอนเวอร์ชันสูง งานวิจัยระดับโลกแสดงให้เห็นว่า Shopify ทำยอดการชำระเงินสูงกว่า WooCommerce ถึง 17% และด้วยสถิติคำสั่งซื้อที่ประมวลผลแล้วมากกว่า 5.5 พันล้านรายการ Shopify จะเสริมศักยภาพของคุณด้วยโซลูชันการปรับขยายระดับผู้นำตลาด

การปฏิบัติตามข้อกำหนดแบบครบวงจร

ปกป้องข้อมูลทั้งหมดของคุณให้ปลอดภัย

Shopify ให้ความสำคัญกับการช่วยให้คุณปฏิบัติตามกรอบข้อกำหนดการทำงานต่างๆ เช่น PCI สำหรับการชำระเงินที่ปลอดภัย, SOC 1, 2, 3 สำหรับผู้ค้าปลีก และ GDPR สำหรับการคุ้มครองข้อมูล ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว WooCommerce ขาดการปฏิบัติตามข้อกำหนด PCI, SOC และ GDPR แบบสำเร็จรูป ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงด้านการโจรกรรมข้อมูล ความเสียหายต่อชื่อเสียงของบริษัท และการสูญเสียลูกค้า รวมถึงการฟ้องคดีความ การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกัน และค่าปรับจากรัฐบาลที่อาจเกิดขึ้น

การป้องกันการทุจริต

ป้องกันการทุจริต

Shopify เสนอการป้องกันการทุจริตแบบเป็นระดับชั้น ซึ่งรวมถึงเครื่องมือวิเคราะห์การทุจริตแบบบูรณาการที่ซิงค์กับบริการตรวจจับชั้นนำ ด้วยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความเสี่ยงของคำสั่งซื้อ การเรียกคืนยอดเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย ตัววิเคราะห์ข้อมูลของเราจะช่วยเสริมศักยภาพของคุณในการตัดสินใจอย่างมีข้อมูลประกอบโดยไม่ละเมิดความปลอดภัย จึงช่วยรับรองความปลอดภัยของข้อมูล

Shopify มีความเร็วเซิร์ฟเวอร์ที่เร็วที่สุดในแวดวงอีคอมเมิร์ซ

ความเร็วของเว็บไซต์ที่เร็วขึ้นมีผลกับทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นรายได้หรือการดำเนินงาน ให้คุณวัดผลประสิทธิภาพเว็บไซต์เพื่อดูว่าเว็บไซต์ของคุณส่งผลต่อยอดขายของคุณอย่างไรได้บ้าง และเปรียบเทียบประสิทธิภาพกับคู่แข่ง

รับรายงานแบบกำหนดเองของคุณ
กราฟความเร็วของไซต์

TCO ที่ต่ำกว่า

มีประสิทธิภาพมากขึ้นบน Shopify

ค่าใช้จ่ายโดยรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) ของ Shopify ต่ำกว่าของ WooCommerce ถึง 36% ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์มที่ทัดเทียมคู่แข่ง ไปจนถึงความเรียบง่ายและความเป็นมิตรต่อผู้ใช้ Shopify เป็นแพลตฟอร์มที่ธุรกิจต่างๆ เลือกใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของตน*

TCO ต่ำกว่า 36% เมื่อนำ Shopify ไปเทียบกับ WooCommerce โดยเฉลี่ย

TCO ต่ำกว่า 36% โดยเฉลี่ยบน Shopify เมื่อเทียบกับ WooCommerce

เมื่อเปรียบเทียบกับ Shopify แล้ว WooCommerce มี:

49%

ค่าใช้จ่ายในการใช้งานและติดตั้งที่สูงกว่าโดยเฉลี่ย

32%

ค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์มและค่าใช้จ่ายของสแต็กอีคอมเมิร์ซที่สูงกว่าโดยเฉลี่ย

41%

ค่าใช้จ่ายการปฏิบัติงานที่สูงกว่าโดยเฉลี่ย

เปิดเผยค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด

WooCommerce นั้นฟรี (แต่ควรอ่านรายละเอียดให้ดี)

ค่าใช้จ่ายโดยรวมในการใช้แพลตฟอร์มบน Shopify นั้นต่ำกว่า เนื่องจากตัว WooCommerce เองเป็นปลั๊กอิน จะมีเพียงฟังก์ชันพื้นฐานสำเร็จรูปเท่านั้น และต้องอาศัยปลั๊กอินเพิ่มเติมเพื่อให้ใช้งานได้ ซึ่งเมื่อรวมค่าใช้จ่ายค่าธรรมเนียมการชำระเงิน ค่าปลั๊กอินเพิ่มเติม และค่าซอฟต์แวร์แล้ว คุณยังต้องจ่ายค่าใช้จ่ายการใช้แพลตฟอร์มและสแต็กเทคบน WooCommerce มากกว่า Shopify ถึง 32% โดยเฉลี่ย

ดำเนินการดี ไม่มีล่าช้า

เลือกความสะดวกสบายแทนการประนีประนอม

ค่าใช้จ่ายการปฏิบัติงานโดยรวมของ Shopify นั้นถูกกว่าของ WooCommerce เนื่องจากความเรียบง่ายของแพลตฟอร์มและการพึ่งพาผู้พัฒนาที่น้อยกว่า WooCommerce จำเป็นต้องมีส่วนขยายหลายตัว และหลายแบรนด์ที่เปลี่ยนจาก WooCommerce มาใช้ Shopify รายงานว่าจำเป็นต้องจ้างพนักงานประจำหรือจ้างบุคคลภายนอกเพียงเพื่อมาจัดการให้งานดำเนินไปได้อย่างราบรื่น นี่อาจทำให้คุณมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นแต่การทำงานช้าลง WooCommerce มีค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานและการช่วยเหลือสูงกว่า 41% โดยเฉลี่ย

การนำไปใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ

ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง

การนำหน้าร้านใหม่มาใช้งานบน Shopify ทำได้รวดเร็วกว่าบน WooCommerce โดยเฉลี่ยถึง 41% ซึ่งอาจเป็นเพราะต้องมีปลั๊กอินและการปรับแต่งเพิ่มเติมเพื่อเสริมประสิทธิภาพไซต์ของคุณ ซึ่งอาจสร้างความยุ่งยากให้สแต็กเทคของคุณและทำให้การติดตั้งบน WooCommerce ช้าลง ที่จริงแล้ว ฟังก์ชันการใช้งานที่จำกัดและการผสานการทำงานที่ซับซ้อนของ WooCommerce เช่น การที่จำเป็นต้องมีเกตเวย์ API ทำให้ค่าใช้จ่ายการติดตั้งโดยเฉลี่ยสูงขึ้นประมาณ 49%

ผลตอบแทนการลงทุนที่ดีกว่า

การศึกษาคอนเวอร์ชันของเราคือหลักฐาน

Shopify มียอดการชำระเงินทั่วโลกที่ดีที่สุด และโดยเฉลี่ยแล้วมีอัตราคอนเวอร์ชันสูงกว่า WooCommerce ถึง 17% ซึ่งอัตราคอนเวอร์ชันที่ต่างกัน 17% นี้ก็คือโอกาสในการทำกำไรที่เสียไปหากเลือก WooCommerce แทน Shopify นั่นเอง

ใช้งานได้จริงและคล่องแคล่ว

คุณไม่ควรฝากฝังธุรกิจทั้งหมดไว้กับปลั๊กอินเพียงตัวเดียว

Shopify ขับเคลื่อนความคล่องตัวด้วยอินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน เปิดโอกาสให้ธุรกิจของคุณได้ปรับตัวและตอบสนองต่อเทรนด์ของตลาดไปพร้อมๆ กับการเติบโตของคุณ ทีมของคุณสามารถจัดการหน้าร้านได้อย่างง่ายดายแม้จะไม่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิค ในทางตรงกันข้าม WooCommerce ทำงานในรูปแบบปลั๊กอินสำหรับไซต์ WordPress โดยจำเป็นต้องมีปลั๊กอินเพิ่มเติมเพื่อเสริมประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ปลั๊กอินเหล่านี้ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ดีเสมอไป เมื่อผสานเข้ากับ WooCommerce ทำให้ทีมงานของคุณจำเป็นต้องพึ่งพาผู้พัฒนาแม้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยก็ตาม

การจัดการผู้ดูแลระบบที่ง่ายดาย

ใครในทีมของคุณก็สามารถดูแล Shopify ได้

UI ที่ใช้งานง่ายของ Shopify ช่วยเสริมศักยภาพให้แก่ผู้ใช้ทั้งสายเทคนิคและสายธุรกิจในการขับเคลื่อนมูลค่าได้อย่างอิสระ ในทางตรงกันข้าม WooCommerce จำเป็นต้องใช้นักพัฒนาในการเปิดใช้งานและอัปเดตปลั๊กอิน รวมถึงการเปลี่ยนแปลงหน้าร้านหลายอย่าง แต่ Shopify มีความสามารถในการทำงานแบบ Low-Code โดยไม่กระทบต่อคุณภาพของหน้าร้าน

Wordpress

Shopify ผสานการทำงานร่วมกับ Wordpress ได้อย่างราบรื่น

แบรนด์ต่างๆ มักจะประหลาดใจกับขีดความสามารถด้านเนื้อหาของ Shopify คุณสามารถสร้างเนื้อหาที่ครบครันบนแพลตฟอร์มของเราได้ ช่วยลดความจำเป็นในการใช้ CMS แยกต่างหาก อย่างไรก็ตาม Shopify รองรับหน้าร้านแบบไม่มีส่วนติดต่อทุกประเภท รวมถึง WordPress ได้อย่างราบรื่น ดังที่ Mark Negelmann ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการของ Lull กล่าวไว้ว่า "อัตลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครของเราจะเข้ากับโครงสร้างพื้นฐานของ Shopify ที่มีขอบเขตจำกัดได้หรือไม่ คำตอบคือ ได้" ทำให้ Lull ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านซอฟต์แวร์ไป 25% และประหยัดค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีได้ 10%–15%

เคลื่อนไหวได้เร็วขึ้นโดยไม่มีแรงต้าน

รับความคล่องตัวเต็มกำลังโดยไม่มีหนี้ทางเทคนิคแต่อย่างใด

เสริมศักยภาพให้วิศวกรของคุณสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ โดยทำงานกับโซลูชันสำเร็จรูปของ Shopify กำจัดหนี้ทางเทคนิคและไม่ต้องพึ่งพาการพัฒนาด้วยตัวเองบน WooCommerce อีกต่อไป บน Shopify คุณสามารถเร่งสร้างนวัตกรรมทางธุรกิจได้โดยลดเวลาที่เสียไปกับการติดตั้งและการบำรุงรักษา

ศักยภาพที่มากขึ้น

รับประโยชน์มากกว่าทันทีที่เริ่มใช้งานบน Shopify

Shopify มีขีดความสามารถด้านอีคอมเมิร์ซที่ครบครันและมีคุณภาพดีที่สุดเมื่อเทียบกับผู้ให้บริการระดับเดียวกัน ซึ่งสามารถสนับสนุนธุรกิจของคุณได้เสมอไม่ว่าแผนการเติบโตของคุณจะเป็นอย่างไร ฟีเจอร์ต่างๆ บน Shopify เช่น B2B ขั้นสูง การกำหนดค่าสินค้า และเครื่องมือทางการตลาด เป็นเพียงฟีเจอร์บางส่วนเท่านั้นที่เราเตรียมให้กับธุรกิจของคุณ เรายังมีฟีเจอร์อื่นๆ และจะไม่ทำให้คุณเกิดหนี้ทางเทคนิคอีกด้วย

100%

Shopify มุ่งเน้นที่อีคอมเมิร์ซ

200+

การปรับปรุงและอัปเดตผลิตภัณฑ์เฉพาะในปีที่ผ่านมาเท่านั้น

ขีดความสามารถในตัว

ทุกสิ่งที่คุณต้องการรวมอยู่บนแพลตฟอร์มเดียว

โซลูชันอีคอมเมิร์ซของ Shopify ที่ครอบคลุมสำหรับ DTC, B2B และระบบขายหน้าร้าน (POS) พร้อมที่จะช่วยพัฒนาธุรกิจของคุณให้เติบโตในทุกๆ ด้าน ฟีเจอร์ในตัวของเรา เช่น การค้นหาความหมาย การจัดการหลายสกุลเงินและการจัดการภาษา เครื่องมือการตลาดฟรีที่คุณได้กรรมสิทธิ์ และโมเดลข้อมูลที่ปรับแต่งได้ มอบฟังก์ชันการทำงานที่ดีที่สุด เพื่อช่วยให้ทีมของคุณได้โฟกัสกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมมากขึ้น แทนที่ต้องเริ่มสร้างทุกอย่างจากศูนย์

ตัวเลือกแอปที่ครอบคลุม

ข้อได้เปรียบของระบบนิเวศ Shopify ที่ได้รับความไว้วางใจ

Shopify ช่วยให้คุณเข้าถึงแอปที่เชื่อถือได้มากกว่า 8,000 รายการ แอปเหล่านี้ถูกสร้างไว้ล่วงหน้าและพร้อมใช้งานทันที เพื่อให้คุณสามารถขยายฟังก์ชันการทำงานที่ตอบสนองความต้องการทางธุรกิจได้โดยไม่ต้องรับความช่วยเหลือจากนักพัฒนา ส่วนใน WooCommerce ปลั๊กอินที่เผยแพร่นั้นมีการควบคุมดูแลที่จำกัด และข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการดูแลรักษาปลั๊กอินเหล่านี้ก็มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น Shopify มุ่งเน้นการควบคุมดูแลให้แน่ใจว่าทุกแอปสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นและอัปเดตได้ง่าย

ทำไมชื่อเสียงและการรับรู้จึงสำคัญ

เชื่อมั่นในผู้นำด้านอีคอมเมิร์ซ

ฐานลูกค้าที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ การมีตัวเลือก CMS และความสามารถในการปรับขนาด ทำให้ Shopify ได้รับการยอมรับอย่างสูงในฐานะผู้นำด้านอีคอมเมิร์ซในรายงานวิเคราะห์ข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ด้วยโมเมนตัมการเติบโตที่เชื่องช้าของ WooCommerce ประกอบกับฐานลูกค้าที่มุ่งเน้นธุรกิจขนาดเล็กเป็นหลัก ทำให้พวกเขาไม่ถูกพูดถึงในรายงานอย่าง IDC, Forrester หรือ Gartner ที่มุ่งเน้นไปที่ความสามารถในการปรับขนาดสำหรับแบรนด์ขนาดใหญ่ นอกจากนี้ การที่บริษัทต้องพึ่งพา WordPress ทำให้ตัวเลือก CMS ของคุณมีจำกัด และเป็นอุปสรรคต่อธุรกิจของคุณที่กำลังเติบโต

แผนงานที่ชัดเจน

Shopify เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่มากกว่า WooCommerce

Shopify มีการอัปเดตสินค้าหลายร้อยรายการเป็นจำนวนสองครั้งต่อปี ผ่าน Editions ตั้งแต่ปี 2021 โดยมุ่งเน้นพัฒนาอีคอมเมิร์ซให้ดียิ่งขึ้นเพื่อทุกคน แต่ในทางกลับกัน แผนงาน ของ WooCommerce นั้นไม่ชัดเจน ที่ Shopify เราตั้งใจสร้างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มีการอัปเดตเรื่อย ๆ ปลอดภัย ผ่านการปรับปรุงประสิทธิภาพ และยั่งยืนเพื่อคุณ ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยพัฒนาธุรกิจของคุณให้เติบโต

พาร์ทเนอร์อีคอมเมิร์ซที่ได้รับความไว้วางใจ

ตามหาผู้เชี่ยวชาญด้าน Shopify ได้ง่าย ๆ

เอเจนซี่และพาร์ทเนอร์ระดับโลกหลายร้อยแห่งมีความเชี่ยวชาญใน Shopify อย่างลึกซึ้งเพื่อช่วยสนับสนุนธุรกิจของคุณ Quickfire Digital ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ของ Shopify ได้พัฒนาคู่มือขึ้นมาเพื่ออธิบายว่าการเปลี่ยนจาก WooCommerce ไปใช้ Shopify จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจที่กำลังเติบโตของคุณอย่างไร นอกจากนี้ Fyresite ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ของ Shopify อีกรายก็ได้เผยแพร่ข้อมูลสรุปที่ให้เหตุผลว่าทำไมพวกเขาจึงไม่ใช้งาน WooCommerce อีกต่อไป

การลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาของ Shopify

เรายึดมั่นในพันธกิจของเราเพื่อการพัฒนาอีคอมเมิร์ซให้ดีขึ้นเพื่อทุกคน Shopify ได้ลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในแผนกวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อปรับปรุงสินค้าสำหรับลูกค้าของเราอย่างต่อเนื่อง

เงินหลายพันล้าน

ลงทุนไป กับการปรับปรุงแพลตฟอร์มของ Shopify เพื่อลูกค้า

800+

ฟีเจอร์และการปรับปรุงของ Shopify ที่เพิ่มเข้ามาตั้งแต่ปี 2020

การตรวจสอบโดยนักวิเคราะห์

ผู้เชี่ยวชาญต่างเลือก Shopify

2023 Leader in Gartner® Magic Quadrant™
ผู้นำใน Gartner® Magic Quadrant™ ปี 2024

70%

ส่วนแบ่งตลาดของ Shopify จาก 800 แบรนด์ DTC ชั้นนำระดับโลก

83%

จำนวนแบรนด์เครื่องแต่งกายที่กำลังมาแรงบน Shopify ตามข้อมูลของ 2PM

โลโก้ GARTNER® MAGIC QUADRANT™

Gartner® Magic Quadrant™

Shopify ได้เป็นผู้นำใน Gartner® Magic Quadrant™ อีกครั้งในปี 2024

Shopify สืบสานประเพณีเพื่อความเป็นเลิศและนวัตกรรมในอีคอมเมิร์ซ โดยได้รับการยกย่องเป็นผู้นำใน Gartner® Magic Quadrant™ 2 ปีติดต่อกันในปี 2024

อ่านรายงาน 

21 สิงหาคม 2023

โลโก้ 2PM

2PM

2PM รายงานว่าแบรนด์ต่างๆ หันมาใช้ Shopify เพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับ WooCommerce

เมื่อไม่นานมานี้ สำนักข่าว 2PM ได้ตรวจสอบเทคโนโลยีของแบรนด์เครื่องแต่งกายที่กำลังมาแรงมากกว่า 60 แบรนด์จากทั่วโลก และพบว่า 55 แบรนด์ หรือ 83% อยู่บน Shopify ในขณะที่ 3% ของแบรนด์เหล่านั้นเป็นลูกค้า WooCommerce

อ่านรายงาน 

พฤศจิกายน 2023

โลโก้ IDC

IDC

IDC กล่าวว่า Shopify กำลัง “เปลี่ยนโฉมแนวคิดของ Enterprise commerce”

ในงาน Enterprise Partner Summit ของ Shopify ที่ลอสแองเจลิส IDC สรุปว่า “การบุกเบิกอย่างกล้าหาญในภาคส่วนวิสาหกิจขนาดใหญ่” ของ Shopify กำลัง “เปลี่ยนโฉมแนวคิดของ Enterprise commerce” และ “ท้าทายผู้เล่นระดับองค์กรยักษ์ใหญ่ด้วยขีดความสามารถ 'อีคอมเมิร์ซแบบครบวงจร'”

อ่านรายงาน 

4 ตุลาคม 2023

โลโก้ Your Basket Is Empty

เสียงที่โดดเด่น

Rick Watson กล่าวว่าอนาคตของอีคอมเมิร์ซอยู่ระหว่าง Shopify และ Commercetools

ในพอดแคสต์ของ Your Basket Is Empty คุณ Rick Watson คาดการณ์ว่า Shopify จะเป็นผู้เล่นอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ในอนาคต

ฟังทั้งตอน 

4 ตุลาคม 2023

พาร์ทเนอร์การโอนย้ายระบบ

โอนย้ายระบบด้วยระบบนิเวศของพาร์ทเนอร์อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ที่สุดที่มี

กำลังหาวิธีโอนย้ายจาก WooCommerce อยู่ใช่หรือไม่? พาร์ทเนอร์ของ Shopify ช่วยคุณได้ โปรดวางใจให้พาร์ทเนอร์ระดับโลกของเราช่วยคุณปูทางสู่การเติบโต

10,000+

พาร์ทเนอร์ด้านแอปพลิเคชันและเทคโนโลยี

100+

พาร์ทเนอร์แอปที่ผ่านการรับรอง Shopify Plus

SHOPIFY เทียบกับ WOOCOMMERCE

ต้องการผลลัพธ์ที่ดีกว่าใช่ไหม? เปลี่ยนมาใช้ Shopify

ไม่ว่าจะเป็นรายได้ที่สูงขึ้น ไปจนถึงการสร้างสรรนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ทั้งลูกค้าและนักวิเคราะห์ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า Shopify คือตัวเลือกที่ไร้ข้อกังขา